ครึ่งทางช้อปช่วยชาติคึกคัก

ครึ่งทางช้อปช่วยชาติคึกคัก

แคมเปญ “ช้อปช่วยชาติ” กระตุ้นบรรยากาศใช้จ่ายได้ไม่น้อย

โดยผ่านครึ่งทางแคมเปญ “ช้อปช่วยชาติ” ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา กระตุ้นบรรยากาศใช้จ่ายได้ไม่น้อย ทำให้ผู้ประกอบการค้าปลีกยังระดมทัพสินค้า “ลดกระหน่ำ” ปลุกกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยมั่นใจว่าช่วง 10 วันสุดท้ายก่อนสิ้นสุดมาตรการ 31 ธ.ค.นี้ การจับจ่ายจะคึกคักขึ้นอีก

  นงลักษณ์ โลหะมาณพ ผู้จัดการใหญ่การตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวว่า ผู้บริโภคมีความตื่นตัวในการใช้จ่ายมากขึ้นตั้งแต่เริ่มมาตรการวันที่ 14 ธ.ค. โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา มีลูกค้ามาจับจ่ายใช้สอยและออกใบกำกับภาษีเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดขายของกลุ่มเดอะมอลล์ ระหว่างวันที่ 14-20 ธ.ค. เติบโตกว่า 8% มีผู้มาออกใบกำกับภาษีเพิ่มขึ้น 7 เท่า (ปีที่ผ่านมาช่วงนี้ไม่มีช้อปช่วยชาติ) คาดว่าผู้บริโภคจะมีใช้จ่ายสูงขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่เหลือ เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสต่อเนื่องถึงวันปีใหม่

เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าออกมาใช้จ่ายในช่วงโค้งสุดท้ายของโครงการช้อปช่วยชาติ เดอะมอลล์ ได้จัดงานเซลนอกพื้นที่ “มหกรรมลดทะลุพิกัด” ในคอนเซปต์ “มอบส่วนลดด้วยใจ ลดใหญ่ส่งท้ายปี” ที่อิมแพค เมืองทองธานี วันที่ 21- 25 ธ.ค.

แคมเปญดังกล่าวยังสอดคล้องนโยบายของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในโครงการ “รวมใจ ช่วยไทย ลดรับปีใหม่” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีและช่วยลดภาระค่าครองชีพ โดยนำสินค้าอุปโภคบริโภค แบรนด์ต่างๆ รวมกว่า 1 ล้านรายการ อาทิ เครื่องสำอาง นาฬิกา แฟชั่น สินค้าเด็ก อุปกรณ์กีฬา สินค้าตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า ลดราคาสูงสุด 80% พร้อมโปรโมชั่นจากสถาบันการเงินต่างๆ

นอกกจากนี้ได้เปิดพื้นที่ให้ชาวนานำข้าวมาจำหน่ายตรงผู้บริโภค พร้อมรับซื้อข้าวสารจากชาวนามาจำหน่ายในราคาพิเศษ “กิโลกรัมละ 9 บาท” จำหน่ายเฉพาะงานนี้ช่วง ซูเปอร์ ช็อก ไพร์ซ ลดราคาต่ำกว่าทุน อีกด้วย วันละ 3 รอบ 13.00-16.00-19.00 น. โดยจำหน่ายข้าวสารวันละ 420 กิโลกรัม แบ่งจำหน่ายรอบละ 140 กิโลกรัม

ปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า มาตรการช้อปช่วยชาติครั้งนี้มีระยะเวลายาวถึง 18 วัน เทียบครั้งก่อนเพียง 7 วัน ทำให้การใช้จ่ายน่าจะคึกคักอย่างมากในสัปดาห์สุดท้าย

“บรรยากาศชอปปิงวันธรรมดาลูกค้ามาเรื่อยๆ และคึกคักขึ้นในวันเสาร์-อาทิตย์ หากเทียบปีก่อนอาจจะเปรี้ยงกว่าเพราะเป็นช่วงสั้น ครั้งนี้มีเวลาคิด มีเวลาซื้อ”

อย่างไรก็ตาม การจัดโปรโมชั่นหลักของผู้ประกอบการแต่ละรายมีความน่าสนใจอย่างมาก รวมทั้งการส่งเสริมการขายผ่านบัตรเครดิตต่างๆ เป็นปัจจัยเร่งและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อที่สำคัญ สำหรับเซ็นทรัลมีไฮไลท์รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้ยอดขายดีดตัวขึ้นอย่างแน่นอน

ชาญชัย เชิดชูวงศ์ธนากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจค้าปลีก บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นไฮซีซั่นที่มีการจับจ่ายสูงสุดของทุกปี ซึ่งครั้งนี้มีทั้งมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐและการทำตลาดเชิงรุกของภาคเอกชน ทำให้กระแสการจับจ่ายคึกคัก

โดยสยามพิวรรธน์ ได้สร้างความแตกต่างในการชอปปิงโดยเพิ่มมูลค่าการจับจ่ายให้ลูกค้ามากขึ้นผ่านโปรโมชั่น “Give Good Love” หรือ รวมพลังช้อปปันรัก เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าภายในสยามดิสคัฟเวอรี่ 1.5 หมื่นบาท ขึ้นไป รับบัตรกำนัลสยามกิ๊ฟท์การ์ด มูลค่า 1,500 บาท ถึง 31 ธ.ค. สมาชิกบัตร VIZ และ สมาชิก สยามดิสคัฟเวอรี่ โมบาย แอพพลิเคชั่น รับสิทธิ์เพิ่ม

"ปีนี้ บรรยากาศโดยรวมของสังคมต่างจากทุกปีที่ผ่านมา เราจึงแปลความหมายของเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เป็นความสุขที่เกิดจากการให้และการแบ่งปัน ถ่ายทอดผ่านผลงานศิลปะสร้างสรรค์ภายในสยามดิสคัฟเวอรี่ รวมถึงจัดพื้นที่ให้คนไทยได้แสดงความรักและเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน โดยจุดดิสเพลย์แรกเป็นมุมห้องนั่งเล่นแห่งความรัก เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความรักต่อกันผ่านกิจกรรมถ่ายภาพ เป็นมุมแห่งความรักที่ให้ทุกคนมอบกำลังใจซึ่งกันและกัน และพื้นที่แสดง Art Installation นำเสนอโครงการพระราชดำริฝนหลวง และโครงการพัฒนาพลิกฟื้นผืนป่า เปิดให้ประชาชนเข้ามาสัมผัสและเชื่อมต่อถึงกันในความรู้สึกร่วมกัน”

กิจกรรมดังกล่าวอยู่ภายใต้แคมเปญ “Citizen of Love : It’s time to Give Good Love” ซึ่งใช้งบกว่า 30 ล้านบาท ตกแต่งสร้างบรรยากาศในการชอปปิง โปรโมชั่น และกิจกรรมเพื่อสังคม คาดว่าจะดึงดูดนักช้อปทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาจับจ่ายภายในศูนย์เฉลี่ยวันละ 8 หมื่น ถึง 1 แสนคน สร้างยอดขายเพิ่มขึ้น 15-20%

พร้อมกันนี้ ได้จัดเตรียมบุคลากรและอุปกรณ์สำหรับอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ต้องการออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบอย่างสะดวกและรวดเร็ว