IronKids นักไตรกีฬาตัวจิ๋ว

IRONKIDS THAILAND คือการแข่งขันไตรกีฬาของเด็กๆ อายุระหว่าง 4 – 15 ปี ที่กระตุ้นให้เด็กมาสนใจการออกกำลังกาย แล้วผลดีที่ตามมาก็มากมาย

‘เอว่า’ เอวรินทร์ ศรีสุขวัฒนา คือเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่จบการแข่งขัน IRONKIDS THAILAND ในรุ่นTRI – TOT ด้วยอันดับที่ 10 จากเยาวชนอายุ 4 – 6 ปี จำนวน 15 คน โดยเธอเพิ่งตัดสินใจลงสมัครเพียงหนึ่งอาทิตย์ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้นด้วยเหตุผลน่ารักๆ ว่า ‘เอว่าอยากนั่งเครื่องบิน’

และวันนี้เราจะไปคุยกับคุณพ่อของเธอกัน ‘หมอแอร์’ อกนิษฐ์ ศรีสุขวัฒนา ที่คนในวงการไตรกีฬาและมาราธอนของบ้านเรารู้จักกันดีในชื่อของ ‘คุณหมอบ้าพลัง’ ผู้จบการแข่งขันระยะไอรอนแมนในเวลาที่ดีที่สุดของผู้เข้าแข่งขันจากเมืองไทยใน Challenge Roth 2016 มาแล้ว

อย่าบังคับให้เขาทำในสิ่งที่ไม่ชอบ

“พี่เป็นคนชอบเล่นกีฬาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว พอเรียนจบออกมาเป็นหมอก็เล่นฟิตเนสอยู่ตลอด จนมีเพื่อนชวนไปวิ่งข้างนอก เราก็ชอบ เลยวิ่งมาเรื่อยๆ จากมาราธอนก็มาเป็นไตรกีฬา ทีนี้พอมีลูก เราเลยอยากให้เขาเล่นกีฬาด้วย แต่เราไม่บังคับเขานะ เราจะถามความสมัครใจเขาตลอด เช่น ถ้าวันไหนเขาไม่อยากปั่นจักรยาน ก็จะไปเล่นอย่างอื่นแทน เช่น วิ่งหรือว่ายน้ำ”

เพราะเชื่อว่าคนทุกคนไม่ชอบการถูกบังคับไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ แล้วนี่ยิ่งเป็นลูกของตัวเองจึงทำให้หมอแอร์ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ เขามีเทคนิคการปลูกฝังให้น้องเอว่าเล่นกีฬา ด้วยการให้คำชมที่ทำให้เธอภูมิใจแทนการให้รางวัลเป็นสิ่งของ เพราะเมื่อเราให้สิ่งของกับเด็ก เขาจะเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญพอเขาเบื่อหรืออายุมากขึ้นก็จะเลิกสนใจไปเอง แต่คำชมที่สร้างความภาคภูมิใจมันจะติดตัวเขาไปตลอดชีวิต...

เตรียมตัวเพื่อเข้าสู่สนามจริง

ย้อนกลับไปก่อนการแข่งขัน IRONKIDS THAILAND ที่ผู้เป็นพ่อพยายามชวนลูกลงแข่งอยู่เสมอๆ แต่ก็ไม่สำเร็จเสียทีเนื่องจากน้องเอว่ากลัวการปั่นจักรยาน แต่เมื่อเธอเปลี่ยนใจลงแข่งขันจึงทำให้ทั้งสองต้องซ้อมกันอย่างจริงจังมากขึ้น

การว่ายน้ำและวิ่ง น้องเอว่าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว จะติดก็ตรงปั่นจักรยาน หมอแอร์จึงเริ่มทบทวนวิธีการสอนที่ผ่านมาและพบว่านั่นเป็นวิธีที่ผิด เพราะมันทำให้น้องเอว่ากลัวและเบื่อจนเลิกปั่นไปเอง

“พี่เริ่มเข้าไปหาวิธีสอนเด็กปั่นจักรยานใหม่แล้วก็เปิดคลิปให้เอว่าดู พอเขาเห็นว่าคนอื่นทำได้ก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น เราเลยมาลองกันใหม่ พี่ถอดบันไดออกแล้วให้เขาฝึกไถอย่างเดียว ทีนี้พอเริ่มทรงตัวได้แล้วเราก็ใส่บันไดกลับเข้าไปเหมือนเดิม แรกๆ ก็คอยจับประคองเวลาเค้าปั่นไปก่อน พอเริ่มเห็นว่าไปได้ก็ปล่อยมือครับ ทำแบบนี้อยู่ไม่กี่วันวันน้องเอว่าก็ปั่นได้เลย แต่บางทีน้องก็ล้มนะ ซึ่งเราก็ต้องอธิบายให้เด็กเข้าใจว่าการล้มเป็นเรื่องปกติ ทุกคนเคยล้มอยู่แล้ว พ่อก็เคย แต่ล้มแล้ว ลูกต้องลุกขึ้นมานะ ห้ามท้อเด็ดขาด”

เมื่อน้องเอว่าปั่นจักรยานได้แล้ว ต่อไปคือการสอนเรื่องกติกาและการเตรียมตัวเพื่อลงแข่งขันเพื่อเข้าสู่สนามจริง ซึ่ง 1 วันก่อนการแข่ง น้องเอว่าต้องซ้อมในระยะทางจริง คือ การว่ายน้ำ 25 เมตร ปั่นจักรยาน 1 กิโลเมตร และวิ่ง 400 เมตร โดยทุกอย่างผ่านฉลุย...

คนแข่งไม่กดดัน แต่คนไม่แข่งกลับกดดัน !

แล้ววันแข่งจริงก็มาถึง บรรยากาศในสนามและความเป็นมืออาชีพของผู้จัดนั้น หมอแอร์บอกว่าไม่แพ้การแข่งขันของผู้ใหญ่เลยจึงทำให้เขาตื่นเต้นมาก แต่เมื่อหันกลับไปดูน้องเอว่ากลับพบว่าเธอไม่แสดงความตื่นเต้นหรือความกดดันออกมาเลย ในแววตาเธอมีแต่ความสดใสและความกระตือรือร้นเท่านั้นจึงทำให้เขาเริ่มผ่อนคลายลง

‘เอว่าไม่ต้องคิดมากนะ อย่าคิดว่าเราแข่งกับคนอื่น แค่ลูกแข่งจบลูกก็ชนะตัวเองแล้ว’ เขาบอกกับลูกก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น

หลังการแข่งขันจบลง เอว่าดีใจมาก เธอบอกว่าชอบวิ่งมากที่สุด เพราะตอนนั้นเธอวิ่งแซงไปได้ตั้ง 3 คน และเมื่อไหร่จะมีแข่งแบบนี้อีก เธออยากชนะบ้างแล้ว

“ถ้าลูกอยากชนะ ลูกก็ต้องฝึกมากขึ้นนะ”

“ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ถ้าคุณพ่ออยากให้เอว่าเร็วขึ้น คุณพ่อต้องให้เอว่าใส่รองเท้าตอนว่ายน้ำด้วยนะคะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาใส่”

“ได้สิ เอว่าจะใส่หมวกจักรยานว่ายน้ำด้วยเลยมั้ยล่ะ”

“ได้เหรอคะ”

เอากับพวกเขาสิ

ออกกำลังกาย = เล่น

เมื่อถึงโรงเรียน “ฮิปฮิปฮูเร่” คือท่าที่เพื่อนๆ และคุณครูทำออกมาเพื่อแสดงความยินดีกับเธอ เธอดีใจมาก และอวดแทตทูที่แปะเป็นเบอร์ตอนลงแข่งให้เพื่อนๆ ดูอย่างสนุกสนาน ทำให้เพื่อนบางคนเริ่มอยากออกกำลังกายแบบเธอแล้ว

“พ่อแม่ของเพื่อนเอว่าก็มาคุยกับผมนะ จะทำยังไงให้ลูกออกกำลังกายบ้าง หรือถ้ามีการแข่งเมื่อไหร่ให้บอกนะ เพราะจะพาลูกไปแข่งด้วย ซึ่งเราก็ยินดีมากที่เด็กๆ จะออกกำลังกายกันเยอะๆ เพราะของแบบนี้มันต้องทำให้ติดเป็นนิสัย ไม่อย่างนั้นเด็กก็จะทำแต่กิจกรรมที่ไม่มีประโยชน์ เช่น นั่งดูทีวีหรือเล่นไอแพดทั้งวัน แต่การเล่นไอแพดก็ไม่ใช่ไม่ดีเลยนะ ทุกอย่างมีข้อดีหมด ไอแพดก็ช่วยฝึกนิ้ว ฝึกสมองให้เด็ก แต่ต้องเล่นอย่างถูกวิธีและจำกัดเวลาให้เค้า เมื่อก่อนเอว่าก็ชอบเล่นนะ แต่หลังๆ ไม่ค่อยเล่นแล้ว อยากไปออกกำลังกายแทน บางครั้งไม่ต้องรอให้เราชวนเลย เขาเป็นฝ่ายชวนเราด้วยซ้ำ อีกอย่างคือพี่คิดว่าการออกกำลังกายมันทำให้เด็กมีวินัยนะ  พี่ไม่ต้องบอกให้เอว่าทำการบ้านเลย พอกลับถึงบ้านเขาก็จะมานั่งทำเอง ดูๆ แล้ว เอว่ามีความสุขกับการทำการบ้านมาก พอทำเสร็จก็จะออกไปเล่นต่อ เพราะเขาคิดว่าการออกกำลังกายก็คือการเล่นสนุกนั่นแหละครับ”