ขี่บิ๊กไบค์ไปทำสวน

ขี่บิ๊กไบค์ไปทำสวน

มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ ดูยังไงก็ไม่น่าจะเข้ากับธรรมชาติที่สงบนิ่ง แต่บิีกไบค์เสียงบึ้มๆๆ นี่แหละ เป็นพาหนะที่พา นินนาท สินไชย อยู่ใกล้ธรรมชาติ

โจ-นินนาท สินไชย พิธีกรและนักแสดงที่หลายคนคงเคยเห็นผลงานของเขาบ้าง หลังจากหนุ่มคนนี้จบปริญญาตรี ด้านรัฐศาสตร์จากอเมริกา ก็เบนเข็มเข้าสู่วงการบันเทิง และประสบความสำเร็จด้วยเวลาอันรวดเร็ว ช่วงเวลานั้น จึงทำธุรกิจหลายอย่าง แต่รู้สึกว่า ชีวิตวุ่นวายนัก

“ทุกๆ เช้าตื่นมา ไม่เคยมีความสุขเลย ” โจ เล่าถึงชีวิตเมื่อ 11 ปีที่แล้ว

และแล้ววันหนึ่ง...ช่วงที่ไปถ่ายทำรายการทีวีที่อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี หลังจากเสร็จงาน เขาขี่บิ๊กไบค์ออกไปเที่ยว พบลำธารแห่งหนึ่ง ก็เลยเดินไปตามลำน้ำ เจอที่ดินแปลงหนึ่งประกาศขาย

“เห็นแล้วชอบ วันรุ่งขึ้นไปกดเงินให้เจ้าของที่ดิน ตอนนั้นเขาขายไร่ละแปดหมื่นบาท จริงๆ แล้วราคาถูกกว่านั้น เพราะเป็นพื้นที่ไม่มีโฉนด ” เขา เล่า แล้วหัวเราะ “ผมถูกหลอก”

เพราะถูกหลอกนี่แหละ ทำให้เขาได้มาอยู่กับธรรมชาติ และรักผืนดินแห่งนี้ ปลูกผัก ปลูกสมุนไพร ลองปลูกทุกอย่างที่อยากปลูก จนกลายเป็นสวนผักและรีสอร์ทชื่อ a tree Time ซึ่งเขาวางแนวคิดไว้ว่า ต้องท่องเที่ยวได้ตลอดปี เพื่อให้คนมาพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติ และมีคอร์สเรียนรู้เรื่องการเกษตรผสมผสาน

แล้วเหตุใดผืนดินแห่งนี้ ทำให้เขาได้เรียนรู้ว่า “ความสุข” คืออะไร

อะไรทำให้นักแสดงอย่างคุณ หันมาสนใจเรื่องการเกษตร

11 ปีที่แล้ว ผมมีทั้งชื่อเสียง เงิน และทุกอย่างไปได้ด้วยดี แต่ทำไมไม่ค่อยมีความสุข ตื่นมาไม่เคยเจอความสงบ เพราะผมประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย จนเมื่อผมไปถ่ายทำรายการที่อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ผมจึงได้ซื้อที่ดินผืนหนึ่ง แต่ผมโดนหลอก สมัยนั้นที่ดินแทบจะให้กันฟรีๆ และช่วงนั้นเศรษฐกิจประเทศกำลังย่ำแย่ รัฐบาลก็เลยชูประเด็นเกษตรผสมผสาน

ช่วงเวลานั้น ผมก็ถูกจ้างเป็นพิธีกร เคยเจอ 7วัน ทำ 14 รายการ ไปหาชาวนาชาวไร่ที่ประสบความสำเร็จ หรือไปตามโครงการพระราชดำริ ผมก็ค่อยๆ ซึมซับ จนผมมีคำถามกับตัวเองว่า ทำรายการมาปีกว่า ทำไมมีแต่ชาวนาชาวสวนที่ประสบความสำเร็จ บางคนส่งลูกไปเรียนเกษตรที่ญี่ปุ่น บางคนมีโรงสีชุมชน ชาวนาคนหนึ่งมีไร่นาสิบไร่แบ่งพื้นที่ให้เช่า ทำร้านอาหารและรีสอร์ท ทุกพื้นที่ของเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้สวยงามอะไรเลย แต่เขาขุดตรงไหนก็เป็นเงินไปหมด มีดงกล้วย ตะไคร้ พืชผักมากมาย มีพ่อค้าคนกลางขับรถเข้ามา นำพืชผักผลไม้ขึ้นรถไปขายทุกวัน

จากจุดนั้นทำให้คุณค่อยๆ ซึมซับวิถีการเกษตร ?

เหมือนน้ำซึมบ่อทราย ครูพักลักจำ เริ่มรู้สึกว่าสนุก แต่ยังไม่ชอบ อาศัยว่า ช่วงนั้นผมทำรายการทีวีเกี่ยวกับการเกษตร ชาวนาชาวไร่เอาพืชผักผลไม้มาให้ผมทุกวัน ทำให้วันหนึ่งผมนึกถึงที่ดินที่ซื้อเอาไว้ 5 ไร่ ผมจึงเริ่มไปสร้างบ้าน ทำเองทั้งหมด อาศัยช่างท้องถิ่น ผมทำแบบง่ายๆ บ้านๆ ก็โดนช่างหลอกบ้าง ตอนนั้นไปสวนผึ้้งทุกวันศุกร์ ไปถึงปิดโทรศัพท์มือถือ ตื่นเช้าก็นั่งดูต้นไม้ จ้างคนงานมาช่วย และผมก็เริ่มปลูกนั่นปลูกนี่ อยู่กับธรรมชาติ เริ่มมีความสุข สิบปีที่แล้วสวนผึ้งตอนหนึ่งทุ่มบรรยากาศมืดสนิท

ผมเข้าไปบุกเบิกพื้นที่คนแรกๆ ของสวนผึ้ง เจ้าหน้าที่รัฐ ก็เลยเอาโน้นเอานี่มาให้เรื่อยๆ เพราะเห็นผมอยากพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ นั่นทำให้ผมค่อยๆ เข้าใจแก่นสารของชีวิตมากขึ้น และได้รู้ว่า คนก็ไม่ต่างอะไรจากธรรมชาติ ทำให้เรานิ่งมากขึ้น ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ความทะเยอทะยานก็ลดลง เริ่มรู้จักการใช้ชีวิตสบายๆ

สวนผักยุคแรกของคุณเป็นอย่างไร

ตอนนั้นชาวนาชาวไร่ให้เมล็ดพันธุ์และต้นไม้มา เจ้าหน้าที่รัฐให้สนสามใบมาปลูก ผมปลูกเต็มพื้นที่ ปลูกตะไคร้สายพันธุ์ต่างๆ ปลูกแล้วผลผลิตเยอะ จากขี่บิ๊กไบค์ ก็เลยต้องซื้อรถยนตร์ไว้บรรทุกพืชผัก เวลาไปออกงานอีเว้นท์ ผมก็แจกตั้งแต่พนักงานรักษาความปลอดภัยจนถึงเจ้าของห้างสรรพสินค้า

ลองคิดดูหนุ่มๆ อย่างผมขนตะไคร่บ้าง มะนาวบ้าง ใส่รถมาแจกคน ตอนนั้นคนยังไม่ค่อยรู้จักพืชผักออร์แกนิค จนมีคนชวนให้เอาของมาขายในห้างสรรพสินค้า ตอนนั้นผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แค่มัดๆผักที่ปลูกมาขาย จนมาศึกษาเรื่องบรรจุภัณฑ์ ปัจจุบันผมมีผักสลัด สมุนไพรส่งให้ห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง ใช้แบรนด์ว่า Happy Veggie

ส่วนเรื่องรีสอร์ทก็มีเรื่องเล่า ตอนอยู่สวนผึ้งยุคแรก แถวนั้นไม่มีไฟฟ้า มีแค่บ้านผม ผมนอนๆ อยู่ ก็มีนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวสวนผึ้งที่ตั้งใจว่าจะมาเช้ากลับเย็น แต่กลับไม่ทัน ยามค่ำคืนพวกเขามาเคาะประตูห้องผม ขอนอนด้วย จากนั้นก็มีคนมาเที่ยวทุกสัปดาห์ มาขอพัก แล้วเอาเงินให้ผม ทั้งๆ ที่ตอนนั้้นไม่ได้อยากทำรีสอร์ท ปัจจุบันผมก็เลยทำเป็นรีสอร์ท a tree Time ประมาณ 8-9 ยูนิค โดยผมไม่ได้อิงกับการท่องเที่ยวตามฤดูกาล

คุณเรียนรู้การปลูกพืชผักออร์แกนิคจากไหน

ผมก็เรียนรู้จากธรรมชาติและศึกษาเอง ผมทำอาหารไม่เป็น แต่ผมคิดสูตรน้ำพริกข่าได้ พืชผักผม ก็พัฒนามาเรื่อย จนทุกวันนี้มีที่ดินกว่า 30 ไร่ จริงๆ แล้วผมอยู่แบบพอเพียง แต่พอเพียงไม่ได้หมายถึงหยุดก้าวหน้า ตอนนี้ผมปลูกผักสมุนไพรกว่า 40-50 ชนิด แรกๆ ผมก็ใช้วิธีดมพืชผัก ดูแสงแดด ดูดิน ดูน้ำ แล้วค่อยอ่านจากหนังสิือ ผมไม่ได้จ้างใครมาช่วยเรื่องนี้

คุณลองคิดดู ตื่นเช้ามาเป็นเห็นฟาร์มผัก มีลำธาร คนมาเห็นก็ชอบ ตอนแรกผมนึกว่า กลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น แต่กลายเป็นว่าครอบครัวพาคุณย่ามาเที่ยว และปัจจุบันกลุ่มโรงเรียนอินเตอร์พาเด็กๆ มาเรียนรู้การเกษตร มีนาข้าว มีสวนผักผลไม้ เลี้ยงไก่และกระต่าย

ถ้าคุณเคยเล่นเกม FarmVille ที่จำลองสวน ปลูกข้าวโพด เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วนำมาทำแป้ง อบเป็นขนมปัง ลองนึกถึงเด็กสมัยนี้ติดไอแพค กว่าจะถึงสวนผึ้ง พวกเขาเล่นเกมมาตลอดทาง พอมาถึงสวนผม เด็กๆ บอกว่า นี่มัน FarmVille ทั้งๆ ที่ผมทำก่อนจะมีเกมนี้ และผมไม่ได้ทำแปลงนาเป็นรูปสี่เหลี่ยมเหมือนที่คนอื่นทำ ผมทำแปลงเป็นรูปก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ผมเคยแสดงภาพยนตร์เรื่องขวัญ-เรียม ผมต้องเล่นกับควายอยู่ในคลองตมทั้งวัน ผมมองว่า สิ่งที่คนกรุงเทพฯ ไม่ชอบมากที่สุดคือ ความไม่ปลอดภัยใต้ผืนนา ผมจึงดีไซน์แปลงนาที่ทำให้คนกรุงเทพฯเหยียบย่ำได้

ทำแปลงนาให้สอดคล้องกับจริตคนเมือง ?

ถ้าเราทำแบบลูกทุ่ง ใครจะกล้ามาเที่ยว พ่อแม่ของเด็กจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและเรื่องสุขภาพ ผมดีไซน์เองทั้งหมด ทำแบบมั่วๆ เน้นเรื่องธรรมชาติเป็นหลัก เราไม่ได้อิงกับการท่องเที่ยวฤดูกาลเดียวเที่ยวได้แค่สี่เดือน รีสอร์ทผมมีแปลงผัก และลำธาร เที่ยวได้ตลอดปี มีความสะดวกสบายทุกอย่าง ใครอยากเรียนรู้เรื่องการเกษตรผสมผสาน หรือพักผ่อนก็เลือกได้

สวนผักคุณต่างจากที่อื่นยังไง

นอกจากพืชผักที่ผมปลูก การแต่งสวนของผม ปกติคนจะใช้ต้นโมก ต้นไทรบังสายตา แต่ผมใช้ข่า ตระกูลเดียวกับเบิร์ดออฟพาราไดซ์แต่งสวน ไม้ประดับผมใช้สะระแหน่ ผักแขยงมีดอกสีม่วง ปลูกต้นชะอมทำเป็นรั้ว พืชผักที่ปลูก คนสวนและครอบครัวได้กินตลอดปี เมื่ออิ่มท้อง ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ของพวกเขาก็ลดลง ในขณะเดียวกันเราก็ได้ผลผลิตทั้งขายและแจก

เส้นทางการเกษตร ตอบโจทย์ให้ชีวิตคุณอย่างไร

ณ วินาทีนี้ ผมพร้อมจะไป แล้วคุณจะไปสวรรค์หรือนรก เมื่อก่อนผมคิดไม่ออก จิตวุ่นวาย แต่ตอนนี้ผมตื่นมาในทุกๆ วันผมมีความสุข ผมไม่ได้รวย และผมก็ไม่ต้องดูแลอะไรมาก ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน ผมก็มีความสุข ผมยังรับแสดงละคร ใครให้แสดงบทอะไร ผมก็รับ ถ้าใช้เวลาเยอะๆ จะลำบากหน่อย

ชีวิตช่วงนี้ผมไม่ค่อยอยากอะไรแล้ว ผมพอแล้ว เพราะโอกาสเข้ามาทุกวัน ผมมีหุ้นส่วนทำบริษัททัวร์ ชีวิตทุกวันนี้ผมแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ผมปล่อยหมด ผมก็หาคนทำแทน ถ้าใครทำมาก ผมก็ให้มาก