แถลงผลงานกกต. 3 ปี เดินหน้าเลือกตั้งโปร่งใส

แถลงผลงานกกต. 3 ปี เดินหน้าเลือกตั้งโปร่งใส

กกต.แถลงผลงาน3ปี กำหนด5ยุทธศาสตร์ เดินหน้าเลือกตั้งสุจริต “บุญส่ง” ขอบคุณกรธ. เพิ่มอำนาจสืบสวน-จัดงบลับหาข่าว หวังปราบโกงเลือกตั้งได้มากขึ้น

นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. พร้อมด้วย นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.สืบสวนสอบสวน นายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม และนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารกลาง ร่วมกันแถลงผลงานครบรอบ 3 ปี

โดยนายศุภชัย กล่าวว่า ในโอกาสที่กกต.ก้าวสู่ปีที่ 19 และการทำงานครบรอบ 3 ปี ของกกต.ชุดปัจจุบัน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดีในการสนับสนุนการทำงานของกกต. ในช่วงที่กกต.เข้ามารับตำแหน่งและทำงานในหน้าที่เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2556 ซึ่งในปีแรกของการทำงานเกิดวิกฤตการเมืองจนนำไปสู่การยุบสภา ทำให้กกต.ต้องดำเนินการเลือกตั้งท่ามกลางความขัดแย้งในบ้านเมืองทำให้กกต.ไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยได้ แต่จากการทำงานที่มุ่งมั่นเป็นกลางทางการเมืองจึงนำไปสู่คำสั่งคสช.รองรับการทำหน้าที่ของกกต.ให้ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน 

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ภายหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง กกต.ได้พิจารณาสำนวนการร้องเรียนร้องคัดค้านการเลือกตั้งในการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการวินิจฉัยชี้ขาดเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดทุกสำนวน แม้ว่าในปีที่สองกกต.จะไม่ได้ดำเนินการจัดการเลือกตั้งแต่ก็ได้วางรากฐานสร้างความรู้ความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยให้ประชาชนมีความตื่นตัวเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้เร่งรัดสร้างทหารเสือกกต.เผยแพร่ความรู้ให้ประชาชน และนำเทคโนโลยีมารองรับการเลือกตั้ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน ส่วนปีที่สามกกต.ได้จัดให้มีการออกเสียงประชามติซึ่งเป็นที่ยอมรับจากทุกภาคส่วน และดำเนินการยกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับ คือ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)พรรคการเมือง รวมทั้งพัฒนาศักยภาพพนักงานสืบสวนสอบสวนและดำเนินการปรับโครงสร้างกกต.ให้สอดคล้องกับกฎหมาย

“สำหรับปีที่ 4 กกต.เตรียมพร้อมในการจัดการเลือกตั้งโดยกำหนดยุทธศาสตร์ 5 เรื่องคือ 1.การสร้างเครือข่ายป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง 2.พัฒนาศักยภาพนักจัดการเลือกตั้งมืออาชีพ 3.จัดตั้งหมู่บ้านปลอดการซื้อสิทธิ์ขายเสียง 4.การเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกประชาชน และ 5.การเพิ่มประสิทธิภาพสืบสวนสอบสวนการวินิจฉัยและการดำเนินคดีในศาล”นายศุภชัย กล่าวและว่า ในปี 2560 กกต.จะเตรียมความพร้อมจัดการเลือกตั้งตามแผนการดำเนินงานของรัฐบาล ซึ่งได้ยกร่างระเบียบคู่มือการดำเนินการจัดการเลือกตั้งส.ส.และส.ว.ควบคู่กันไป และจัดโครงสร้างการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.ทั่งในระดับหน่วยเลือกตั้งระดับอำเภอและระดับเขตเลือกตั้งให้รองรับการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.ตามพ.ร.ป. รวมทั้งจะเตรียมความพร้อมพัฒนาบุคลากรกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งให้มีความเป็นมืออาชีพ และนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน

ด้านนายบุญส่ง กล่าวว่า 3ปีที่ผ่านมาได้ปฏิบัติภารกิจในรูปของคณะกรรมการ ซึ่งในเรื่องการควบคุมการดูแลการเลือกตั้งให้สุจริตเที่ยงธรรมนั้นในระยะแรกที่ทำงานด้านการวินิจฉัยชี้ขาดมีปัญหาเรื่องการแสวงหาพยานหลักฐานเพราะกฎหมายไม่ให้อำนาจกกต.ต้องใช้ตำรวจทำงาน ระบบการข่าวขาดประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง ทำให้คดีเกิดจากการมีผู้ร้องทั้งสิ้น ไม่มีคดีที่เกิดจากการข่าวของกกต.เลย มีเพียง 10-20 เปอร์เซ็นต์ ที่มาถึงกกต.ชุดใหญ่ นอกนั้นถูกจำหน่ายคดี และเมื่อคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลก็ถูกยกคำร้อง 40-50 เปอร์เซ็นต์ จึงมีการประชุมสัมมนาเชิงวิชาการระหว่างบุคลากรของกกต.และผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ทั้ง 9 ภาค เพื่อปรับปรุงพระบวนการสืบสวนสออบสวนให้มีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือมากขึ้น และมีการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่พนักงานสืบสวนสอบสวนของกกต.โดยให้ใช้สำนวนการไต่สวนของกกต.เป็นหลักในการพิจารณาคดีในศาล ซึ่งมีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว

“กกต.ต้องขอบคุณคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ที่นอกจากจะพิจารณาอำนาจกกต.ตามร่างกฎหมายที่กกต.เสนอไปแล้ว ยังมีการแถมเรื่องให้กกต.รับเงินบริจาคได้ ทำให้มีงบประมาณในการทำงานด้านการสืบสวนสอบสวนโดยให้มีงบลับในการลงพื้นที่หาข่าว ซึ่งช่วยได้อย่างมากเนื่องจากหากใช้งบประมาณปกติต้องมีการชี้แจงทำให้ข่าวรั่วได้อีกด้วย”นายบุญส่ง กล่าว 

นายบุญส่ง กล่าวว่า สำหรับการทำงานของกกต.ในปีที่ 4 นั้นกกต.จะจัดเชื่อมโยงข้อมูลด้านการข่าวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ หน่วยงานด้านความมั่นคง กรมการปกครอง กรมการขนส่งทางบก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะต้องสำเร็จก่อนการจัดการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น เมื่อสิ่งเหล่านี้ครบถ้วนก็จะทำให้การปราบปรามการทุจริตเลือกตั้งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ได้นักการเมืองที่มีคุณภาพมาพัฒนาประเทศชาติตามรัฐธรรมนูญ

ขณะที่นายประวิช กล่าวว่า การทำงานของกกต.ที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายเรื่อง โดยเฉพาะการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งในช่วงที่ไม่มีรัฐธรรมนูญ ประเทศไม่มีทิศทางที่แน่นอน กกต.ได้ตกลงว่าจะสร้างเครือข่ายให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น จากศูนย์ส่งเสริมประชาธิปไตยทั่วประเทศซึ่งมีสมาชิกกว่า 7 หมื่นคน เพราะเห็นว่าประชาชนคือหัวใจของประชาธิปไตย ก้าวต่อไปคือเรื่องของคณะกรรมการประจำหน่วยที่ยังมีช่องว่างอยู่ จึงต้องมีการอบรมและมีคู่มือในการปฏิบัติหน้าที่จัดการเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด ซึ่งจะมีผู้จัดการประจำหน่วยเสมือนเครือข่ายกกต.ที่จะนำมาซึ่งความสุจริตเที่ยงธรรมในหน่วยเลือกตั้ง โดยต้องอบรมคนประมาณ 1 แสนคน 

นายสมชัย กล่าวว่า 3 ปีที่ผ่านมากกต.มีความเห็นเป็นหนึ่งเดียวกันโดยมีเรื่องที่ต้องลงมติเพียงสองหรือสามครั้ง ดังนั้นใครที่บอกว่ากกต.ต่างคนต่างทำนั้นเป็นการเข้าใจผิดเพราะเราทำงานเป็นทีม โดยสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมีสี่จุดสำคัญ คือ 1.ความเป็นองค์กรอิสระที่แท้จริง ทำงานภายใต้เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกรอบกฎหมายโดยไม่เอนเอียงเข้ากับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตัวอย่างปัญหาที่เกิดขึ้นในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เช่น การกู้เงินไปช่วยชาวนาซึ่งกกต.ให้ความเห็นว่าทำไม่ได้เพราะเป็นรัฐบาลรักษาการณ์ช่วงการเลือกตั้ง ในขณะที่ข้าราชการทำตามรัฐบาลทำให้หลายคนต้องถูกดำเนินคดี แต่กกต.กล้าพูดค้านกับรัฐบาล

นายสมชัย กล่าวต่อว่า 2.ทำหน้าที่เป็นองค์กรรักษากฎหมายอย่างตรงไปตรงมา มีการดำเนินคดีอย่างจริงจังยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรมในการทำงาน ทำให้การทำประชามติเป็นไปด้วยความราบรื่นไม่มีปัญหาหลังการทำประชามติ 3.การให้บุคลากรของกกต.มีการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดและการทำงาน คิดนอกกรอบจากเดิมยอมรับวิธีการใหม่ และ 4.นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในกกต.ชุดก่อน โดยมีเป้าหมายว่าในการเลือกตั้งปี 60 ต้องให้ประชาชนเข้าถึงมีความสะดวกรวดเร็วให้มีการใช้สิทธิออกเสียงมากที่สุด เพื่อให้คะแนนสุจริตชนะการทุจริตเลือกตั้ง ทำให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม ทำให้การซื้อสิทธิ์ขายเสียงลดลงให้เหลือน้อยที่สุด 

“ในระยะยาวนั้น กกต.ตั้งเป้าให้สำนักงานกกต.เป็นองค์กรต้นแบบใน 4 เรื่องคือ 1.เป็นองค์กรต้นแบบด้านประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้เกิดความสำเร็จลดต้นทุนค่าใช้จ่ายสร้างความน่าเชื่อถือให้กับประชาชน วัดความสำเร็จได้ 2.เป็นองค์กรต้นแบบด้านความโปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล โดยจะเป็นองค์กรอิสระองค์กรแรกที่จะเข้าสู่โครงการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ 3.ทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายประชาชน ภาคราชการ เอกชน เพื่อให้งานเกิดความสำเร็จ และ 4.จะทำหน้าที่เป็นองค์กรต้นแบบในการยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม ทำงานโดยปราศจากอคติ นำไปสู่การเลือกตั้งที่ซื่อสัตย์มีคุณภาพได้บุคลากรทางการเมืองที่ดีมาพัฒนาชาติ”นายสมชัย กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงผลงาน กกต. ยังได้ทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาระบบบริการข้อมูลเปิดผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์กับสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมลงนามบันทึกคำรับรองตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายการประเมินผลการปฏิบัติงานระหว่างผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง(ผอ.ผตส.) รักษาการเลขาธิการกกต. และรองเลขาธิการก