บีทีเอสควงแสนสิริลุยเปิด 5 โครงการปี"60

บีทีเอสควงแสนสิริลุยเปิด 5 โครงการปี"60

"บีทีเอส-แสนสิริ" เดินหน้าร่วมทุนพัฒนาโครงการ ปี"60 ลุยเปิด 5 โครงการ หลังพัฒนาไปแล้ว 8 โครงการมูลค่า3หมื่นล้าน

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทประกาศความร่วมมือกับบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) โดยในช่วงระยะยาว 5 ปีมีแผนร่วมมือกันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในแนวเส้นทางระบบขนส่งมวลชน ภายใต้บริษัทร่วมทุน ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นระหว่างกลุ่มบริษัทบีทีเอส และบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) 50 : 50 จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 25 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1 แสนล้านบาท
โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมร่วมกันไปแล้วจำนวน 8 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย 70% จากจำนวนรวมทั้งสิ้น 2,963 ยูนิต รวมมูลค่า 21,000 ล้านบาท ซึ่งเกือบทุกโครงการล้วนประสบความสำเร็จในการเปิดการขาย โดย 4 ใน 8 โครงการสามารถปิดการขายลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่วันเปิดพรีเซลล์ ในขณะที่อีก 4 โครงการที่เปิดตัวในปีนี้ก็มีการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเช่นกัน ด้วยยอดขายรวมกันแล้วกว่า 7,500 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริและบีทีเอส รวมทั้งดีมานด์ความต้องการคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องทั้งจากลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2560 บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้บริษัทร่วมทุนระหว่างบีทีเอส-แสนสิริ อีก 5 โครงการ ซึ่งบริษัทมีที่ดินรองรับการพัฒนาทั้งหมดแล้ว และเป็นโครงการที่อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2560 คาดว่าจะเติบโตได้ราว 4-5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่ได้มีความหวือหวามากนัก เพราะตลาดยังขาดปัจจัยที่โดดเด่นมาช่วยสนับสนุน และยังต้องระมัดระวังเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถในการกู้ยืมของลูกค้า
นอกจากนี้บริษัทยังได้ตั้งเป้ายอดขายของลูค้าชาวต่างชาติในปี 2560 อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมียอดขายจากลูกค้าชาวต่างชาติอยู่ที่ 5,300 ล้านบาท โดยบริษัทได้เห็นถึงโอกาสความต้องการซื้อของลูกค้าชาวต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าชาวฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และมีความสนใจการลงทุนในโครงการที่ติดกับรถไฟฟ้า เนื่องจากมีความสะดวกในการเดินทางเข้าที่พักอาศัย และราคาอสังหาริมทรัพย์ในไทยถือว่ามีราคาถูกเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยบริษัทคาดว่าจะเห็นการร่วมมือด้านการตลาดเพื่อการขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์มากขึ้นในช่วงไตรมาส 1ปีหน้า