มาตรฐาน ความปลอดภัย จักรยานยนต์

     ยานพาหนะพัฒนาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องของสมรรถนะ ความเร็วแรง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคชื่นชอบ แต่อย่างไรก็ตามสมรรถนะที่เร็ว แรง ขึ้นนี้ จำเป็นที่จะต้องมาคู่กับความปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งบางครั้งบางที ก็อาจจะเกินกว่าที่ผู้ขับขี่จะควบคุมได้ด้วยตัวเอง ทำให้เกิดการพัฒนาระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเสริมมาตลอดเวลา 

     รถจักรยานยนต์ก็เช่นกัน ปัจจุบัน หลายยี่ห้อ หลายรุ่นใส่เทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารถยนต์ และก็มีไม่น้อยที่ผลิตคิดค้นจากบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนหรือระบบเพื่อป้อนให้กับค่ายผู้ผลิต 

     อย่างเช่นบ๊อชซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนและระบบรายใหญ่ ก็มีสินค้าเกี่ยวกับด้านนี้อยู่จำนวนมาก และล่าสุดก็คว้ารางวัล “เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย: สาขานวัตกรรมเพื่อการขับขี่ปลอดภัยสำหรับรถจักรยานยนต์ (Safety Technology Award: Innovative Motorcycle Technology for Safer Riding)” จากองค์กรทดสอบความปลอดภัยของรถยนต์ใหม่แห่งอาเซียน(ASEAN NCAP) ซึ่ง เทคโนโลยีที่คว้ารางวัลได้แก่ ระบบเบรกเอบีเอส ระบบควบคุมการทรงตัว (MSC) และระบบเตือนมุมอับสายตา (side view assist)

     เอบีเอส ในรถ 2 ล้อ ปัจจุบันไม่ได้ติดตั้งครบทุกรุ่นในตลาด แต่บ๊อชบอกว่ามันกำลังจะหลายเป็นมาตรฐานสากล และบ๊อชเองก็กลังพัฒนาระบบเบรกเอบีเอส 10 รุ่นใหม่ ให้เหมาะกับรถขนาดเล็กในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงไทยด้วย 

     นายจีออฟ ลีแอช หัวหน้าแผนกธุรกิจยานยนต์สองล้อและพาวเวอร์สปอร์ตของบ๊อช กล่าวว่า เดือนมิ.ย. 2561 มาเลเซียจะเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่บังคับใช้กฎหมายให้รถยนต์โดยสารใหม่ทั้งหมดต้องติดตั้งระบบการควบคุมการทรงตัวของรถยนต์ (Electronic Stability Control: ESC)เป็นมาตรฐานความปลอดภัย

     "ความจำเป็นเรื่องการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการขับขี่ในตลาดเกิดใหม่นั้นเพิ่มมากขึ้น ในแต่ละปี ประเทศไทยและอินโดนีเซียมีอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2.1 หมื่นราย นอกจากนี้ ในปี 2558 ไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนอยู่ที่ 36.2 คน ต่อประชากร 1 แสนคน ส่งผลให้ไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน โดย 75% ของอุบัติเหตุบนท้องถนนเกี่ยวข้องกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์"

     ขณะที่การศึกษาวิจัยด้านอุบัติเหตุของบ๊อช แสดงให้เห็นว่า หากมีการติดตั้งระบบเบรก เอบีเอส ในรถจักรยานยนต์ทุกคัน จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตได้ถึง 1 ใน 4 เนื่องจากระบบเบรกจะป้องกันล้อล็อค จึงช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการทรงตัวของรถได้ในขณะเบรก และช่วยให้ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่คับขันได้อย่างรวดเร็ว

     ในปัจจุบัน หลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญและสนับสนุนให้ใช้ระบบเบรก เอบีเอส เช่น ประเทศในสหภาพยุโรป ออกกฎหมายให้รถจักรยานยนต์ที่มีเครื่องยนต์มากกว่า 125 ซีซี ที่ออกจำหน่ายตั้งแต่ต้นปี 2559 ต้องติดตั้งระบบเบรกเอบีเอสทุกคัน ขณะที่ญี่ปุ่น ออกกฎหมายให้รถจักรยานยนต์ที่มีเครื่องยนต์ตั้งแต่ 125 ซีซี ขึ้นไป ต้องติดตั้งระบบเบรกเอบีเอสตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป และที่ไต้หวันจะเริ่มใช้บังคับใช้กฎหมายในปี 2562 ส่วนอินเดียก็เพิ่งประกาศให้รถจักรยานยนต์ทุกชนิด ติดตั้งระบบเบรกเอบีเอส ตั้งแต่เดือนเม.ย. 2561 เป็นต้นไป

     “การผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวนี้ นับเป็นก้าวย่างครั้งสำคัญในด้านความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์ โดยผลกระทบต่างๆที่จะตามมาจากกฏหมายนี้ จะช่วยกระตุ้นให้ประเทศอื่นๆ ในเอเชียหันมาพิจารณาการออกกฏหมายดังกล่าว โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ผู้คนมากมายใช้ยานยนต์สองล้อในการสัญจร”

     บ๊อชบอกว่าสำหรับรถขนาดเล็กที่เตรียมใส่ระบบเบรกเอบีเอสของบ๊อชที่เรียกว่า เอบีเอส 10 เร็วๆนี้ เริ่มจาก คาวาซากิ เวอร์ซิส-เอ็กซ์ 300 เอบีเอส ตามด้วยซูซูกิ จีเอสเอ็กซ์-เอส 125 เอบีเอส รุ่นปี 2018

     ส่วนระบบช่วยควบคุมการทรงตัว หรือ MSC นั้น บ๊อช เริ่มผลิตตั้งแต่ปี 2556 โดยระบบนี้สามารถวัดข้อมูลตัวแปรต่างๆ เกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ เช่น การทำมุมเข้าโค้ง (lean angle) ทำให้สามารถปรับการเบรกได้อย่างทันท่วงที และควบคุมความเร็วให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ ทำให้ป้องกันการล้ม เพิ่มศักยภาพการควบคุมการทรงตัวของรถขณะเบรกตอนเข้าโค้ง 

     ขณะที่ระบบเตือนมุมอับสายตา เมื่อผู้ขี่เปลี่ยนเลน ระบบจะใช้เซ็นเซอร์คลื่นเสียงความถี่สูงตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยเฉพาะด้านที่ผู้ขับขี่มองเห็นยากเพื่อหลีกเลี่ยงการชนปะทะ

     “ในฐานะที่บ๊อชเป็นผู้นำด้านความปลอดภัยสำหรับยานยนต์สองล้อ เราได้มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมใหม่มาโดยตลอด เพื่อช่วยให้การขับขี่มีความปลอดภัย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และช่วยให้ผู้ใช้เพลิดเพลินกับการขับขี่ได้อย่างเต็มที่”

    ด้านนายโจเซฟ ฮง กรรมการผู้จัดการ บ๊อช ประเทศไทย กล่าวว่า บ๊อชจะสนับสนุนรัฐบาลไทยอย่างเต็มที่ ในการสร้างความตระหนักถึงความปลอดภัยบนท้องถนน 

     "เราคิดว่าการผสานการให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยในยานยนต์ มีความสำคัญอย่างมากโดยมีข้อมูลอ้างอิงว่าเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถช่วยลดการบาดเจ็บและการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ เราเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าจะมีเทคโนโลยีล้ำสมัยมากมายที่จะช่วยให้การขับขี่บนท้องถนนปลอดภัยมากขึ้นสำหรับคนไทย”