มีแนวโน้มฟื้น

มีแนวโน้มฟื้น

แต่หุ้นไทยและตลาดเกิดใหม่จะ Underperform ตลาดยุโรปและสหรัฐฯ

เราคาดตลาดหุ้นไทยและตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้ม Underperform หุ้นยุโรปและสหรัฐฯ จากค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นสู่ระดับ 2.60% จะทำให้เกิดเงินทุนไหลออกจากการปรับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ตามเราประเมินบรรยากาศการเก็งกำไรยังเป็นบวกจากปัจจัยเฉพาะตัวรายหุ้น โดยเรายังมองเงินยังหมุนจากพลังงานไปยังหุ้นอื่น โดยมีหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ SCB, KTB, TU, CPF, PSH, ORI*, IVL, SMT*, TSE* / BLA*, TIP*, EASTW* จาก bond yield ที่ปรับขึ้น / DTAC, ADVANC, SGP*, DEMCO* สะท้อนปัจจัยลบช่วงสั้นแล้ว

ศาลล้มละลายกลางอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI ส่งผลดีต่อสภาพหนี้ให้พ้นสถานะหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) กลับมาเป็นหนี้ปกติ ทั้งนี้จะไม่มีการกลับรายการสำรองมาเป็นกำไร แต่จะทำให้ภาระการตั้งสำรองในอนาคตลดลง ส่งผลดีต่อแนวโน้มกำไรในอนาคต โดยผู้ปล่อยกู้รายใหญ่อย่าง SCB, KTB และ TISCO ที่ปล่อยกู้ 11,500, 10,600 และ 821 ล้านบาท จะมี NPL ลดลงเหลือ 2.3%, 3.8% และ 2.7% (จาก 2.9%, 4.2% และ 3.0%) ส่วน Coverage ratio ดีขึ้นเป็น 157%, 118%, 121% (จาก 129%, 106% และ 107%)

กสทช.เปิดแผนประมูลคลื่นความถี่ 4 ปี (ปี'60-63) เตรียมเปิดประมูลอีก 3 ย่าน ทั้ง 2600 MHz, 850 MHz และ 700 MHz ซึ่งเราประเมินจะเป็นบวกต่อจิตวิทยาการเก็งกำไร DTAC ที่สัมปทานจะหมดอายุในปี 2561 รวมทั้ง MCOT ที่เป็นเจ้าของคลื่น 2600MHz อยู่ 144 MHz ซึ่งอาจทำให้มีกำไรจากการคืนคลื่นให้กสทช.สูงถึง 13.58 บาท/หุ้น

คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET50: (+) GL, THAI, JAS, SPRC, GLOBAL, KKP, PTG, SCCC / (-) BEC, TASCO, TTW, SAWAD, MTLS, BCP, TPIPL, WHA // คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET100: (+) JAS, SPRC, SUPER, VIBHA, TKN, BIG, THANI, GFPT, SCCC/ (-) TRC, BJCHI, RS, ERW, JWD, SVI, WORK, HANA, IFEC

สำหรับปัจจัยติดตามที่สำคัญ: 16 ธ.ค. – ตลท.ประกาศรายชื่อหุ้นเข้า SET50-SET100 ชุดใหม่ (มีผล 1 ม.ค.60) /21 ธ.ค. - การปรับลด GDP โดยธปท.

คำแนะนำทางกลยุทธ์ : คาดตลาดไม่ไปไหนแต่บรรยากาศการดลือกเก็งกำไรรายตัวยังเป็นบวก แนะนำเลือกหุ้นที่ยัง laggard, ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสิ้นปี ท่องเที่ยว หรือมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ SCB / เก็งกำไร DTAC*, TSE*, MCOT*

แนวรับ/แนวต้าน : 1510-1515/1530 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์

• เปิดซองรถไฟฟ้า: UNIQ, BTS, STEC, RATCH, SEAFCO, PYLON/ เจรจาส่วนต่อขยาย: BEM, CK

• มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ: กลุ่มค้าปลีกและผู้จำหน่ายสินค้าไอที รวมถึงกระเบื้อง TK, S11, JMART, SYNEX, DCC, DRT / ห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรด ได้แก่ ROBINS, BIGC, MAKRO, CPN, HMPRO / กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, ERW, CENTEL และ MINT

• กลุ่มอาหาร/เกษตร/ยาง/เรือ: GFPT*, CPF, TFG*, TU, CFRESH*, STA*, TRUBB*, TTA*, PSL*, RCL*, BRR*
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH/หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)



หุ้นแนะนำ

• SCB (190) : เป็น top pick ในกลุ่มธนาคารใหญ่ เราคาดมีกำไรปี 2560 เติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มที่ 15.6% ซึ่งดีกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 6.5% การปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ขนาดใหญ่ (ลุ้นศาลล้มละลายผ่านแผนฟื้นฟู SSI วันนี้) เป็นจิตวิทยาเชิงบวกที่ทำให้หุ้นกลับมาน่าสนใจ

• DTAC* (40) : ราคาหุ้นปรับลดลงมากเกินไป ซื้อขายที่เพียง 36% ของ market cap TRUE ในขณะที่มีมูลค่าของลูกค้าหนึ่งราย (EV/Subscriber) ที่ 4,481 บาท ต่ำกว่า TRUE ที่ 13,313 บาท ทั้งที่ยังคงมีลูกค้า 25.7 ล้านราย (TRUE ที่ 22.6 ล้านราย)

• TSE* (6.50) : กลับมาเป็น defensive growth หลังประกาศแผนลงทุนไฟฟ้าชีวมวล 22MW (COD ช่วงปี 2561-62) ช่วงปลายก.ย. และรอความชัดเจนแผนลงทุนไฟฟ้าญี่ปุ่น 32.MW ซึ่งคาดเป็นปัจจัยผลักดันราคาที่สำคัญ

• MCOT* (20) : ด้วยสมมติฐานราคาประมูลคลื่น 2600MHz ที่ 10,000 ล้านบาท/15MHz และค่าธรรมเนียมการคืนคลื่นที่ 25% ของราคาประมูล MCOT จะมีกำไรจากคืนคลื่นให้กสทช. 9,333 ล้านบาท//*ตัดขาดทุน 14 บาท*