ไอดีซีคาด ‘ไอโอที’ ไทยโต13% - ‘โมบาย’ หนุน

ไอดีซีคาด ‘ไอโอที’ ไทยโต13% - ‘โมบาย’ หนุน

ตลาดที่เติบโตสูงที่สุด คือ ขนส่งและโลจิสติกส์ มูลค่า 575 ล้านดอลลาร์

“ไอดีซี” ชี้ตลาดไอโอทีไทยโอกาสโต 13% แรงหนุนจาก ‘โมบาย’ โตก้าวกระโดด ภาคธุรกิจมองเป็นเรื่องจำเป็นต้องลงทุน ภาคการผลิตขึ้นแท่นตลาดบุกเบิกหนุนอุตฯ อื่นใช้ตาม เผยอุตฯ โทรคมไม่น้อยหน้า โอเปอร์เตอร์ทุกรายแอคทีฟ พร้อมบุกเบิกโปรเจ็คสร้างแหล่งรายได้ใหม่

นายฮิว วีฮาซี ผู้ช่วยรองประธาน ไอดีซี ออสเตรเลีย กล่าวว่า การใช้งานเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ หรือ ไอโอที ระหว่างปี 2558-2563 ในไทยมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 13.18%

ตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตเร็วสุด คือ การตรวจสอบดูแลสุขภาพ มูลค่า 225 ล้านดอลลาร์ ตลาดที่เติบโตสูงที่สุด คือ ขนส่งและโลจิสติกส์ มูลค่า 575 ล้านดอลลาร์ ที่มีมูลค่าสูงสุด คือ การบริหารจัดการสำหรับภาคผลิต 1,313 ล้านดอลลาร์ ขณะที่อีก 2 กลุ่มที่ติดอันดับท็อป 5 คือ สมาร์ทโฮม มูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ และการจัดการสินทรัพย์การผลิต 503 ล้านดอลลาร์

ข้อมูลระบุอีกว่า เมื่อถึงปี 2562 ประชากรไทยจะใช้งานอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีไอโอทีเฉลี่ย 2.2 เครื่องต่อคน ส่วนประเทศในอาเซียน ฟิลิปปินส์ 1.2 เครื่องต่อคน เวียดนาม 1.3 เครื่องต่อคน อินโดนีเซีย 1.5 เครื่องต่อคน มาเลเซียมากกว่าไทยที่ 2.3 เครื่องต่อคน สิงคโปร์ 5.1 เครื่องต่อเครื่อง นับได้ว่าโอกาสรออยู่อีกมหาศาล ทั้งการเชื่อมต่อ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอีโคซิสเต็มส์ ที่ทำให้การใช้งานรูปแบบสมาร์ทเกิดขึ้น

ไอดีซี คาดว่าอีก 12-18 เดือนจากนี้ จะได้เห็นบริการใหม่ๆ จากกลุ่มเซอร์วิสโพรวายเดอร์ ขณะที่ ภายใน 5 ปีจากนี้ การนำไปใช้งานที่จะเติบโตชัดเจนจะเกี่ยวกับสมาร์ทคาร์

ปัจจัยที่ผลักดันการเติบโต มาจากการเติบโตก้าวกระโดดการใช้งานสมาร์ทโฟน โมบิลิตี้ เห็นได้ชัดเจนช่วง 5 ปีหลังนี้ มุมมองของภาคธุรกิจไอโอทีกลายเป็นเทคโนโลยีไม่ใช่เพียงมีแล้วดี แต่จำเป็นต้องมี และจำเป็นต้องหันมาพิจารณาลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม ทุกวันนี้เริ่มเห็นแล้วว่าเข้ามาผสมผสานไปกับทุกบริการที่เกี่ยวกับดิจิทัล และการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล

ผลสำรวจความคิดเห็นองค์กรธุรกิจในไทยจำนวน 100 บริษัทเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาพบว่า กว่า 62% มองว่า ไอโอทีมีความสำคัญช่วยยกระดับธุรกิจได้

นอกจากนี้ ยังมาจากนำไปใช้เชิงอนาไลติกส์ วิเคราะห์ข้อมูลบนคลาวด์ รวมถึงใช้งานในกลุ่มผู้บุกเบิกอย่างภาคการผลิต มีส่วนสำคัญช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมอื่นๆ หันมาใช้ตาม
พร้อมประเมินว่า โครงสร้างพื้นฐานของไทยนับว่า มีความพร้อม จากความครอบคลุมของเทคโนโลยี 3จี 4จี การเติบโตใช้งานโมบาย รวมทั้งธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์

หากจะให้แพร่หลายมากขึ้นหรือโตเร็วต้องให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุน ราคาต้องเหมาะสม ควรมีโปรแกรมทางการเงินให้ผู้ประกอบการ เพื่อประโยชน์จะได้เกิดในวงกว้าง โดยเฉพาะภาคเกษตรกรรม

ไอดีซี แนะว่า การทำให้ราคาลดลงต้องผลักดันให้มีการลงทุนและผลิตเทคโนโลยีด้วยตนเองจากภายใน รัฐบาลต้องมีส่วนร่วมสนับสนุน ทำให้เกิดต้นทุนทางปัญญาในประเทศ
นายไมเคิล แมคโดนัลด์ หัวหน้าคณะผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยี ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ เสริมว่า ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม กลุ่มที่นำไปใช้ในระดับแถวหน้ามีด้านการพัฒนาสาธารณูปโภค สมาร์ทโฮม การเชื่อมต่อ และการพัฒนาสมาร์ทซิตี้

สำหรับ ไทยที่โดดเด่น คือ สมาร์ทเฮลธ์แคร์ ทั้งยังพบว่าขณะนี้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทุกรายต่างวางกลยุทธ์ และมีโครงการที่เกี่ยวกับไอโอทีกันแล้ว เบื้องต้นเช่นโครงการด้านสมาร์ทโฮม และคอนเน็ตเต็ดคาร์

ข้อมูลบริษัทวิจัยไอดีซีระบุว่า 80% ของผู้ให้บริการเครือข่ายมีความแอคทีฟที่จะพัฒนาโครงการด้านไอโอทีกันแล้ว

สำหรับหัวเว่ย วางตำแหน่งการให้บริการในฐานะ ไอโอที แพลตฟอร์ม แอสอะเซอร์วิส หรืออีโคซิสเต็มส์ พร้อมสนับสนุนลูกค้าแบบครบวงจร หากเรื่องใดไม่เชี่ยวชาญจะเป็นตัวกลางช่วยเชื่อมต่อกับพันธมิตร ขณะนี้บริษัทมีคู่ค้าที่เกี่ยวข้องกับไอโอทีกว่า 80 ราย ภายในระยะเวลา 5 ปีนี้ เตรียมงบลงทุนด้านไอโอทีไว้เฉพาะ 1 พันล้านดอลลาร์