ไฟเขียวต่ออายุ'TOP'เช่าที่ราชพัสดุโรงกลั่นน้ำมันอีก30ปี

ไฟเขียวต่ออายุ'TOP'เช่าที่ราชพัสดุโรงกลั่นน้ำมันอีก30ปี

"บอร์ด PPP" อนุมัติ "ไทยออยล์" เช่าที่ราชพัสดุทำโรงกลั่นน้ำมันต่ออีก 30 ปี คาดมีวงเงินลงทุนในการพัฒนาเพิ่มเติมกว่า 1.2 แสนลบ.

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ว่า คณะกรรมการเห็นชอบในหลักการโครงการจัดให้ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เช่าที่ราชพัสดุบริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลบางพระ และตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 (พ.ร.บ. ร่วมลงทุนฯ ปี 2556) เป็นโรงกลั่นน้ำมันต่อเนื่องภายหลังสัญญาเช่าเดิมสิ้นสุดอีกเป็นระยะเวลา 30 ปี ซึ่งคาดว่าจะมีวงเงินลงทุนในการพัฒนาเพิ่มเติมกว่า 120,000 ล้านบาท และจะช่วยเสริมความมั่นคงทางด้านพลังงาน สร้างรายได้และกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจ และมอบหมายให้กรมธนารักษ์ในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการให้เช่าที่ราชพัสดุตามขั้นตอนของ พ.ร.บ. ร่วมลงทุนฯ ปี 2556 และกฎระเบียบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้เช่าที่ราชพัสดุ และการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในที่ราชพัสดุ เช่น การจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและดูแลชุมชนโดยรอบที่ราชพัสดุโดยเคร่งครัดต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบผลการติดตามความคืบหน้าของ 5 โครงการที่ดำเนินการตามมาตรการ PPP Fast Track ดังนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย - มีนบุรี) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว - สำโรง) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 ในการเจรจาต่อรองกับผู้ยื่นข้อเสนอที่ให้ NPV ของผลประโยชน์ตอบแทนสูงที่สุด

โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงบางซื่อ - ท่าพระ) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการคัดเลือกของโครงการส่วนต่อขยาย และคณะกรรมการกำกับดูแลของโครงการรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (ช่วงหัวลำโพง - บางซื่อ) เพื่อให้ได้ข้อยุติตามกำหนดเวลาที่ได้ขยายออกไปถึงวันที่ 18 ธันวาคม 2559

โครงการ Motorway สายบางปะอิน - นครราชสีมา (M6) และสายบางใหญ่ - กาญจนบุรี (M6) คณะกรรมการ PPP ได้รับทราบความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีที่มีความเห็นว่า กรมทางหลวงอาจมอบหมาย ให้เอกชนร่วมลงทุนในส่วนของการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ของโครงการดังกล่าวตาม พ.ร.บ. ร่วมลงทุนฯ ปี 2556 จึงเห็นควรให้กรมทางหลวงเร่งรัดดำเนินการเสนอโครงการ M6 และ M81 ต่อคณะกรรมการ PPP โดยเร็ว เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนงานที่กำหนดต่อไป

นอกจากนี้ คณะกรรมการ PPP ได้รับทราบฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานทางการเงินของกองทุนส่งเสริมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (กองทุน PPP) ซึ่งปัจจุบันคณะกรรมการกองทุน PPP ได้จัดสรรเงิน ให้กรมการขนส่งทางบกเพื่อจัดทำผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย ตาม พ.ร.บ. ร่วมลงทุนฯ ปี 2556