วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน 15 ธันวาคม 2559

วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน 15 ธันวาคม 2559

ราคาน้ำมันดิบตกหลัง FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% และ สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ ที่โอกลาโฮม่าปรับเพิ่ม

- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงหลังธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50-0.75% นับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่สองในรอบปี และคาดการณ์ว่าจะเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2560 อีกราว 3 ครั้ง เพื่อชดเชยความเสี่ยงเรื่องอัตราเงินเฟ้อหากมีการใช้นโยบายทางเศรษฐกิจของนาย Donald Trump ภายในประเทศ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้เงินสกุลดอลลาร์แข็งค่า และราคาน้ำมันดิบที่ซื้อขายด้วยสกุลเงินนี้ดูมีราคาแพงต่อผู้ค้าและนักลงทุนที่ใช้สกุลเงินอื่นเป็นสกุลเงินหลัก

+/- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เผยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สิ้นสุด ณ วันที่ 9 ธ.ค. ลดลงราว 2.6 ล้านบาร์เรลมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบคุชชิ่งโอกลาโฮม่ากลับเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล เป็นการปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่ 6 ในรอบ 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา

+ หลังกลุ่มประเทศโอเปค (OPEC) ตกลงที่จะลดกำลังการผลิตลงราว 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปคตกลงที่จะลดกำลังการผลิตลง 600,000 บาร์เรลต่อวัน เพื่อที่จะปรับสมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์น้ำมันดิบให้กลับสู่จุดดุลยภาพในปี 2560 รัสเซียออกมาแสดงเจตจำนงที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลง 300,000 บาร์เรลต่อวันสู่ระดับการผลิตที่ 10.95 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในหกเดือนแรกของปี 2560 แต่รายละเอียดของข้อตกลงกำลังอยู่ภายใต้การดำเนินการ

-/+ กลุ่มประเทศโอเปค (OPEC) คาดอุปทานน้ำมันดิบปี 2017 จะปรับเพิ่มหากการปฏิบัติตามข้อตกลงว่าด้วยเรื่องการปรับลดกำลังการผลิตไม่เกิดขึ้นจริงทั้งภายในกลุ่มประเทศโอเปคและประเทศนอกกลุ่มโอเปค โดยคาดว่าหากกำลังการผลิตยังอยู่ในระดับคงที่จะมีอุปทานส่วนเกินจากกลุ่มประเทศโอเปคราว 1.24 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากแรงกดดันของอุปทานที่ปรับเพิ่มขึ้นจากการส่งออกน้ำมันเบนซินจากประเทศจีนและอินเดีย ขณะที่อุปสงค์ในประเทศอินเดียปรับตัวลดลงราวร้อยละ 3.81 ในเดือน พ.ย. และคาดว่าจะอ่อนตัวต่อเนื่อง

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงตามกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องด้วยแรงกดดันจากอุปทานที่ปรับเพิ่มหลังโรงกลั่นน้ำมันในเอเชียกลับมาจากปิดซ่อมบำรุงและดำเนินการผลิตในระดับสูงในเดือน ธ.ค. เพื่อที่จะผลิตน้ำมันดีเซลเพื่อใช้ทำความร้อนในช่วงหน้าหนาว

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า

            ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 50 – 55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

            ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 53 – 58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

- ภาวะอุปทานน้ำมันดิบโลกมีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา ผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปคตัดสินใจลดกำลังการผลิตลงราว 0.558 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยรัสเซียจะปรับลดปริมาณการผลิตลงราว 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งความร่วมมือปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตกลุ่มโอเปค และนอกกลุ่มโอเปคในครั้งนี้ อาจทำให้อุปทานน้ำมันดิบโลกปรับลดลงราว 1.8 ล้านบาร์เรล หรือเทียบเท่ากับร้อยละ 2

- ตลาดกังวลว่าการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคตามข้อตกลงอาจเป็นไปได้ยากขึ้น หลังสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปคในเดือนพ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 0.37 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 34.19 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยประเทศที่ปรับเพิ่มปริมาณการผลิตมากสุดได้แก่ แองโกลา ลิเบีย ไนจีเรีย และอิรัก ตามลำดับ

                                      -----------------------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.02-797-2999