คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยไม่พลิกโผ

คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยไม่พลิกโผ

ยังคงเพิ่มความระวังการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน

เราคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้และช่วงที่เหลือของปี น่าจะจบในกรอบ 1530-1550 จุด แม้การปรับขึ้นดอกเบี้ยจากการประชุม FOMC รอบนี้ (concensus มองความน่าจะเป็น 98%) จะไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ทำให้ตลาดตกใจ แต่ fund flow ในกลุ่ม TIP market ที่พลิกกลับมาเป็นขาย (ดูตารางหน้า 2) และแรงซื้อต่างชาติที่อาจชะลอตัวลงหลังการขึ้นดอกเบี้ยเฟดจะทำให้การปรับขึ้นจากนี้จำกัดและตลาดเกิดใหม่ (EM) รวมทั้งเอเซีย อาจ Underperform ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และประเทศพัฒนาแล้วไประยะหนึ่ง เรายังมองน้ำหนักการเก็งกำไรหมุนมายังหุ้น ธนาคาร อาหาร อสังหาริมทรัพย์ (บางตัว) เป็นต้น โดยมีหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ SCB, KTB, TU, CPF, PSH, ORI*, IVL, SMT* / BLA*, TIP*, EASTW* จาก bond yield ที่ปรับขึ้น / DTAC, ADVANC, SGP, DEMCO สะท้อนปัจจัยลบช่วงสั้นแล้ว

เพิ่มความระมัดระวังต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันระยะสั้นมีอัพไซด์จำกัด ทั้งจากราคาล่วงหน้าที่สะท้อนไปในปัจจุบันแล้ว อีกทั้งซาอุดิอาระเบียเริ่มลดพรีเมี่ยมการซื้อขายสำหรับน้ำมันที่ส่งมอบในเอเซียลง นอกจากนี้หากพิจารณาปริมาณการขายช็อตหุ้น PTTEP ในช่วง 1-15 พ.ย./ 16-30 พ.ย. และ 1-14 ธ.ค. จะพบว่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 3.91% , 4.31% และ 9.56% ดังนั้นเรามองการปรับขึ้นของหุ้นพลังงานรอบนี้ควรแบ่งทำกำไรหรือลดการถือหุ้นลง

คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET50: (+) GL, THAI, JAS, SPRC, GLOBAL, KKP, PTG, SCCC / (-) BEC, TASCO, TTW, SAWAD, MTLS, BCP, TPIPL, WHA // คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET100: (+) JAS, SPRC, SUPER, VIBHA, TKN, BIG, THANI, GFPT, SCCC/ (-) TRC, BJCHI, RS, ERW, JWD, SVI, WORK, HANA, IFEC

สำหรับปัจจัยติดตามที่สำคัญ: 14-15 ธ.ค. – ตลท.ประกาศรายชื่อหุ้นเข้า SET50-SET100 ชุดใหม่ (มีผล 1 ม.ค.60) / 13-14 ธ.ค. - ประชุมเฟด (ทราบผลเช้า 15 ธ.ค.) / 15 ธ.ค. – ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการสหวิริยาสตีล / 21 ธ.ค. - การปรับลด GDP โดยธปท.

คำแนะนำทางกลยุทธ์ : เรามองเพิ่มความระวังในการเก็งกำไรหรือลดน้ำหนักหุ้นพลังงานระยะสั้นสำหรับคนที่มีอยู่ รวมทั้งระวังกลุ่มลีซซิ่งเป็นลบจากทิศทางการขึ้นดอกเบี้ย (ต้นทุนเพิ่ม) การเก็งกำไรรายตัวเน้นหุ้นที่ยัง laggard และเพิ่มความระมัดระวังความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกเมื่อเข้าสู่ช่วง ธ.ค. หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ ธนาคาร อาหาร อสังหาฯ (บางตัว) หรือได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสิ้นปี ท่องเที่ยว หรือมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ SCB, IVL / เก็งกำไร DTAC*, SGP*

แนวรับ/แนวต้าน : 1520/1540-1550 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์

• เปิดซองรถไฟฟ้า: UNIQ, BTS, STEC, RATCH, SEAFCO, PYLON/ เจรจาส่วนต่อขยาย: BEM, CK

• มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ: กลุ่มค้าปลีกและผู้จำหน่ายสินค้าไอที รวมถึงกระเบื้อง TK, S11, JMART, SYNEX, DCC, DRT / ห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรด ได้แก่ ROBINS, BIGC, MAKRO, CPN, HMPRO / กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, ERW, CENTEL และ MINT

• กลุ่มอาหาร/เกษตร/ยาง/เรือ: GFPT*, CPF, TFG*, TU, CFRESH*, STA*, TRUBB*, TTA*, PSL*, RCL*
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH/หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)



หุ้นแนะนำ

• SCB (190) : เป็น top pick ในกลุ่มธนาคารใหญ่ เราคาดมีกำไรปี 2560 เติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มที่ 15.6% ซึ่งดีกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 6.5% การปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ขนาดใหญ่ (ลุ้นศาลล้มละลายผ่านแผนฟื้นฟู SSI วันนี้) เป็น upside risk ที่ทำให้หุ้นน่าสนใจ

• IVL (40) : ราคาฝ้ายเข้าสู่ช่วง high seaon (พ.ย.-มี.ค.) ทั้งนี้เรายได้ 1/3 มาจากการผลิต Polyester ซึ่งได้รับผลดีตามราคาฝ้าย (เมื่อคืนปรับขึ้น 1.2%) ขณะที่อีก 1/3 เป็น PET ซึ่งการเคลื่อนไหวราคาสอดคล้องกับเส้นใยเช่นกัน

• DTAC* (40) : ราคาหุ้นปรับลดลงมากเกินไป ซื้อขายที่เพียง 36% ของ market cap TRUE ในขณะที่มีมูลค่าของลูกค้าหนึ่งราย (EV/Subscriber) ที่ 4,481 บาท ต่ำกว่า TRUE ที่ 13,313 บาท ทั้งที่ยังคงมีลูกค้า 25.7 ล้านราย (TRUE ที่ 22.6 ล้านราย)

• SGP* (13.50) : การดำเนินงานเข้าสู่ high season ไตรมาส 4 ซึ่งผลการดำเนินงานมักจะดีทั้งที่ไทยและจีน แม้ปีนี้ผลการดำเนินงานจะอ่อนแอ แต่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ไทยยังสนับสนุนการจ่ายปันผล 0.50 บาท/หุ้น