“ร้านดอกไม้” ธุรกิจโลก (ไม่) สวย

“ร้านดอกไม้” ธุรกิจโลก (ไม่) สวย

ดอกไม้ช่อสวยนำพาความรักจากใครคนหนึ่งถึงใครอีกคนเป็นโมเม้นต์สุดหวานที่เริ่มจาก"ร้านดอกไม้"ทว่าในโลกธุรกิจนี่คือสนามสุดหินถ้าไม่อึดจริง ไม่รอด

ดอกไม้ช่องาม ตกแต่งอย่างประณีต ใส่ความรัก และความจริงใจ ของคนจัดลงไปเต็มๆ ส่งผ่านจากร้านดอกไม้ Sweet flower by issaree”  บริเวณชั้น 2 อาคาร B เดอะไนน์ ทาวเวอร์ ไปส่งมอบให้ถึงมือของลูกค้า

คนเบื้องหลังที่เป็นทั้ง เจ้าของร้าน และแรงงานจัดดอกไม้ คือ “เอ๋ย-อิสรีย์ ขาวสะอาด” อดีตพนักงานสนุกดอทคอม ที่มีฝันอยากเปิดร้านดอกไม้ของตัวเอง เธอนำเงิน 3.5 แสนบาท มาเซ้งร้านดอกไม้ต่อจากพี่ที่รู้จักกัน ลงทุนไปเรียนคอร์สจัดดอกไม้กับอาจารย์ดัง “พิทักษ์ หังสาจะระ” หรือ “ครูกอล์ฟ” ศิลปินนักจัดดอกไม้ แห่ง Flower Decor Studio เพื่อเอาวิชาความรู้มาทำตามฝันของตัวเอง จนเปิดร้านได้เมื่อประมาณ 7 เดือนก่อน หลังก่อนหน้านี้เริ่มรับจัดดอกไม้มาประมาณ 2-3 ปี ระหว่างที่ยังทำงานประจำอยู่

“พอทำงานไปสักพัก เริ่มเกิดคำถามว่า ทำไมจะต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำด้วย ทำไมต้องมานั่งทำงานเพื่อคนอื่น แทนที่จะได้ทำเพื่อตัวเอง แล้วชีวิตหนึ่งเกิดมาแค่ครั้งเดียว ถ้าพรุ่งนี้ตายไปล่ะ จะยังได้ทำอะไรที่อยากทำหรือเปล่า เลยคิดว่า สักวันต้องมีร้านดอกไม้ของตัวเองให้ได้” เธอเล่า

"โลกสวย” ที่รู้สึกกับธุรกิจร้านดอกไม้ คือได้อยู่กับงานที่เธอรัก เป็นอิสระไม่ต้องวุ่นวายกับใคร วันๆ ได้แต่นั่งจัดดอกไม้ ทำให้คนอื่นยิ้ม ก็คง “ชื่นใจ”

ก่อนจะมาเรียนรู้ความจริงว่า ในธุรกิจดอกไม้ มีอะไรที่โหดหินยิ่งกว่านั้น

“ไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจดอกไม้มาก่อนเลย คนส่วนใหญ่เขาจะไปเริ่มต้นที่เป็นลูกจ้างร้านอื่นก่อน แต่พี่บ้าบิ่นมาก เป็นแค่พนักงานออฟฟิศ ไม่เคยเปิดร้านมาก่อน แค่อยากทำจริงๆ ก็เลยเปิด เรียกว่า โง่ก็ได้นะ” เธอยอมรับ

สิ่งที่ได้จากวิชาปฏิบัติที่มีคุณครูคือตัวเอง คือโลกอีกมุมของธุรกิจร้านดอกไม้ ที่ไม่มีทุ่งลาเวนเดอร์ ไม่มีกลีบกุหลาบโปรยอยู่ตรงหน้า แต่เป็นประสบการณ์ตรงที่ต้องเจอกับตัวล้วนๆ ตั้งแต่การไปหาซื้อดอกไม้ สั่งของอย่างไร ไปเวลาไหน ซื้อจากร้านไหนดี ร้านไหนมีดอกสวยๆ ไม่ถูกหลอกถูกโกง เพราะหลายครั้งที่ช่อสวย แต่มีดอกเสียซ่อนอยู่ กลายเป็น “ต้นทุน” และ “ความเสี่ยง” ที่คนทำธุรกิจดอกไม้ต้องแบกรับ

อยากได้ดอกสวยและทน ก็ต้องใช้ดอกนอก แต่แน่นอนว่า ราคาแพงไม่ใช่เล่น เธอยกตัวอย่าง กุหลาบฮอลแลนด์ ที่ช่อ 1 มี 10 ดอก ขายกันที่ 1,500 บาท และขั้นต่ำก็ต้องสั่งกันที่ 20 ดอก คิดเปิดร้านต้องใช้ดอกไม้ไม่ต่ำกว่า 5 ชนิด แม้แต่ใบไม้ที่ใช้แซมดอก ก็ต้องใช้เงินซื้อมาทั้งนั้น ที่สำคัญ เงินสด งดเชื่อ ต่อครั้งที่ซื้อขนาดร้านเล็กๆ แบบปกติไม่มีจัดงานใหญ่ ก็ใช้เงินครั้งละไม่ต่ำกว่า 3-5 พันบาท และสั่งอาทิตย์ละครั้งเป็นอย่างน้อย

ได้ดอกไม้มาก็เตรียมรับอีกหนึ่งความโหด นั่นคืออายุขัยของดอกไม้ ที่อยู่ได้ประมาณ 1 อาทิตย์ ด้วยการดูแลอย่างดี ตัดก้าน ตัดใบ ตัดหนาม ทำความสะอาด เอาเข้าตู้ ทุกๆ สองวันนำออกมาเปลี่ยนน้ำ พยายามยืดอายุดอกไม้ให้นานที่สุด เพื่อที่ถ้าขายไม่หมด จะยังไม่เจ็บตัว เข้าเนื้อ

“เรามีเวลาแค่ 1 อาทิตย์ ที่จะต้องขายให้หมด ซึ่งการดูแลดอกไม้ให้อยู่ได้นานขึ้น ก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง นอกจากนั้นยังต้องคิดโปรโมชั่นที่จะกระตุ้นยอดขาย และพันธมิตรก็สำคัญ ไม่ว่าร้านดอกไม้ที่รู้จักกันที่จะส่งลูกค้าต่อให้ หรือเพื่อนฝูง ที่เวลาจะสั่งดอกไม้ก็เลือกร้านเราแทนร้านอื่น  เหล่านี้ก็พอช่วยได้” เธอบอก

การสะสมลูกค้า และมัดใจลูกค้าให้ได้ จึงเป็นสูตรสำคัญของการบริหารธุรกิจร้านดอกไม้ สำหรับ Sweet flower by issaree เธอว่า ชอบให้ลูกค้ามากกว่าราคาที่เขาสั่ง โดยเฉพาะลูกค้าที่น่ารัก ที่อยากได้ดอกไม้ไปใช้ในโอกาสพิเศษ

“บางคนดูแล้วไม่ใช่เป็นคนซื้อดอกไม้บ่อยๆ ถามเขาว่าจะใช้ในโอกาสอะไร เขาบอกวันครบรอบแต่งงาน แต่มีงบไม่เยอะนะ เขาสั่งแค่ช่อ 500 บาท แต่ก็ทำให้เขา 800 บาท แถมดอกไม้ให้อีก ซึ่งถ้ามองเป็นธุรกิจทำบ่อยๆ ก็คงไม่ดี เพราะเป็นต้นทุน แต่ถ้าลูกค้าชอบ เขาก็จะกลับมาอีก” เธอบอกผลลัพธ์ที่เริ่มจากการให้

จากราคาขายที่ช่อละ 500-5,000 บาท ทั้งที่ควรได้กำไรอยู่ที่ประมาณ 50% ทว่าคนชอบแถมอย่างเธอ อาจยอมหั่นกำไรลดลง เพื่อเพิ่มความพิเศษเหนือความคาดหมายให้ลูกค้า เลยมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาสั่งที่หน้าร้าน และผ่านช่องทางออนไลน์ อย่าง เฟซบุ๊ค, อินสตาแกรม และ ไลน์ Sweet flower by issaree อยู่ใกล้ๆ แม่ค้ายังพร้อมปิดร้านเดินไปส่งให้ฟรี ไม่คิดเงินเพิ่มกับลูกค้า

ทว่าระหว่างทางของการเจอลูกค้าน่ารัก ก็ยังมีลูกค้าสุดเยอะ ที่เข้ามาทดสอบความอดทนอยู่เสมอ เธอว่าเจอมาหมดทั้ง อยากได้ถูกๆ แต่ขอช่อใหญ่ๆ ไม่เน้นดอกไม้แพง แต่ให้อัดใบไปเยอะๆ ก็ได้ ลูกค้าจู้จี้อยากได้ดอกไม้ตามใจตัวเอง แต่พอจัดออกมาไม่สวย ก็โทษคนจัดซะงั้น จัดเสร็จให้รื้อ จัดใหม่ บางรายขอต่อ ขอลด กระทั่งขอของแถม ที่ฟังแล้วจะอึ้ง!

“มีลูกค้ามาขอซื้อตะกร้าหวายใส่ของ พี่ก็ขายเขาไม่แพงบวกเพิ่มแค่ 50 บาท ขายไป 250 บาท เขาบอกแพงจัง 200 ได้ไหม เลยบอกว่า ถ้า 200 นี่เท่าทุนเลยนะ เขาบอก ลดไม่ได้ไม่เป็นไร ถ้างั้นขอแถมตุ๊กตาหมีได้ไหม ไม่แถมหมีไม่เป็นไร จัดกระเช้าให้ฟรีได้ไหม?” ทั้งหมดที่ต่อรองไป ไม่ใช่เงินหมื่นเงินแสน แต่ขอย้ำว่าแค่ “50 บาท!” เท่านั้น

นอกจากลูกค้าเรื่องเยอะ สถานการณ์เศรษฐกิจทุกวันนี้ ยังทำให้ยอดขายในร้านดอกไม้ลดฮวบลงไปด้วย ซึ่งไม่ใช่กระทบแต่กับร้านเล็ก เธอว่า กระทบกับทุกร้าน แม้จะอยู่ในสนามมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม ฉะนั้นการที่บางวันขายไม่ได้ บางวันขายได้ไม่ถึงพันบาท เลยเป็นความจริงที่ต้องยอมรับ แม้จะต้องแบกต้นทุนค่าเช่าร้าน อยู่ไม่ต่ำกว่าวันละพันบาทก็ตามที นี่แหล่ะเรื่องเศร้า เรื่องโหดร้าย ของธุรกิจร้านดอกไม้

“พี่ที่เขาทำมาเป็น 10 ปี ยังบอกเลยว่า บางเดือนยังต้องควักเนื้อ ฉะนั้นเตรียมใจไว้ระดับหนึ่งเหมือนกันว่า อาจจะเจอแบบนั้นได้ ซึ่งถ้าเรามีสายป่านที่ยาวพอ และรักในธุรกิจนี้จริงๆ ก็คงอยู่ได้ แต่ถ้าไม่รัก แค่อยากทำ ก็อาจจะไม่ไหว ก็หวังว่า อาชีพที่เรารัก จะทำให้สามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้หลังจากนี้” เธอฝากความหวังไว้

ถึงวันนี้ บทเรียนจากการทำธุรกิจดอกไม้ สอนเธอว่า ทำธุรกิจนี้ ต้องแสวงหาความรู้ ต้องศึกษาผลงานของคนอื่น และหาแนวทางของตัวเองให้ได้ ต้องฝึกปรือฝีมือไม่หยุดนิ่ง สร้างพันธมิตรทีดีกับเพื่อนๆ ในแวดวง เพราะอาจเจอคำแนะนำดีๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาให้เราได้ ต้องสะสมลูกค้า และมัดใจลูกค้าให้ได้ ที่สำคัญต้อง “อดทน” เพราะถ้าแค่เข้ามาเพื่อหวังกอบโกยกำไรในระยะสั้นๆ ไม่มีทางสำเร็จได้ในธุรกิจร้านดอกไม้

ธุรกิจดอกไม้คงเหมือนกุหลาบงาม ที่แม้ภายนอกอาจดูสวย แต่ก็มีหนามแหลมคม คอยสะกิดเตือนคนทำว่า..ถ้ายังไม่แกร่งพอ อย่าเพิ่งเข้ามาใน..ธุรกิจร้านดอกไม้

                ................................................

Key to success

เตรียมพร้อมก่อนทำธุรกิจร้านดอกไม้

๐ ต้องรักจริง มากกว่า แค่อยากทำ

๐ ลองไปเป็นลูกจ้างร้านอื่นก่อน

๐ ศึกษาตลาดให้แม่นก่อนลงมือทำ

๐ ปรึกษาคนที่รู้และเชี่ยวชาญ

๐ มีสายป่านที่ยาวพอ

๐ อึด ถึก ทน และเป็นนักสู้