SET มีโอกาสปรับขึ้น แต่จะผันผวน

SET มีโอกาสปรับขึ้น แต่จะผันผวน

SET มีโอกาสปรับขึ้น แต่จะผันผวน และเพิ่มความระวังการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน

เราคาดตลาดหุ้นไทยมีโอกาสแกว่งลงทดสอบ 1515-1520 จุด จาก แรงทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน (sell on fact) หลังประเทศในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันและนอกกลุ่ม บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตลง รวมทั้งการปรับพอร์ตการลงทุนก่อนการประชุมเฟด 13-14 ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามเรามองมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ และปัจจัยบวกเฉพาะตัวของหุ้น ทำให้ความเสี่ยงทางลงในระยะสั้นจำกัด และมองตลาเคลื่อนไหวในกรอบ 1520-1550 จุด โดยมองน้ำหนักการเก็งกำไรหมุนมายังหุ้น ธนาคาร อาหาร อสังหาริมทรัพย์ (บางตัว) เป็นต้น โดยมีหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ SCB, KTB, TU, CPF, PSH, ORI*, IVL, SMT* / BLA*, TIP*, EASTW* จาก bond yield ที่ปรับขึ้น / DTAC, ADVANC, SGP, DEMCO สะท้อนปัจจัยลบช่วงสั้นแล้ว

ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น 2.6% หลังประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิก 13 ประเทศ สามารถบรรลุตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน อย่างค่อยเป็นค่อยไปจนถึงเดือนมี.ค.ปีหน้า ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายเบื้องต้นที่กำหนดไว้ที่ 600,000 บาร์เรล/วัน เล็กน้อย เรามองผลบวกจากปัจจัยดังกล่าวจำกัดจากการที่หลายประเทศเร่งเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมาก่อนปรับลด ขณะเดียวกันราคาล่วงหน้าน้ำมัน (Futures) ที่เคลื่อนไหวแบบ Bacwardation สะท้อนว่าตลาดรับรู้ปัจจัยบวกต่อราคาน้ำมันไว้มากแล้ว

คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET50: (+) GL, THAI, JAS, SPRC, GLOBAL, KKP, PTG, SCCC / (-) BEC, TASCO, TTW, SAWAD, MTLS, BCP, TPIPL, WHA // คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET100: (+) JAS, SPRC, SUPER, VIBHA, TKN, BIG, THANI, GFPT, SCCC/ (-) TRC, BJCHI, RS, ERW, JWD, SVI, WORK, HANA, IFEC

สำหรับปัจจัยติดตามที่สำคัญ: 13 ธ.ค. – ครม.พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ / 15 ธ.ค. – ตลท.ประกาศรายชื่อหุ้นเข้า SET50-SET100 ชุดใหม่ (มีผล 1 ม.ค.60) / 13-14 ธ.ค. - ประชุมเฟด (ทราบผลเช้า 15 ธ.ค.) / 15 ธ.ค. – ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการสหวิริยาสตีล / 21 ธ.ค. - การปรับลด GDP โดยธปท.

คำแนะนำทางกลยุทธ์ : อัพไซด์ของหุ้นพลังงานในระยะสั้นจำกัด เรามองเพิ่มความระวังในการเก็งกำไรหรือลดน้ำหนักหุ้นพลังงานระยะสั้นสำหรับคนที่มีอยู่ การเก็งกำไรรายตัวเน้นหุ้นที่ยัง laggard และเพิ่มความระมัดระวังความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกเมื่อเข้าสู่ช่วง ธ.ค. หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ ธนาคาร อาหาร อสังหาฯ (บางตัว) หรือได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสิ้นปี ท่องเที่ยว หรือมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ SCB / เก็งกำไร DTAC*, SMT*, SGP*

แนวรับ/แนวต้าน : 1515-1520/1530, 1545 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์

• เปิดซองรถไฟฟ้า: UNIQ, BTS, STEC, RATCH, SEAFCO, PYLON/ เจรจาส่วนต่อขยาย: BEM, CK

• มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ: กลุ่มค้าปลีกและผู้จำหน่ายสินค้าไอที รวมถึงกระเบื้อง TK, S11, JMART, SYNEX, DCC, DRT / ห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรด ได้แก่ ROBINS, BIGC, MAKRO, CPN, HMPRO / กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, ERW, CENTEL และ MINT

• กลุ่มอาหาร/เกษตร/ยาง/เรือ: GFPT*, CPF, TFG*, TU, CFRESH*, STA*, TRUBB*, TTA*, PSL*, RCL*

(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH/หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)



หุ้นแนะนำ

• SCB (190) : หุ้น top pick ในกลุ่มธนาคารใหญ่ ที่คาดมีกำไรปี 2560 เติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มที่ 15.6% ซึ่งดีกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 6.5% การปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ขนาดใหญ่เป็น upside risk ที่ทำให้หุ้นน่าสนใจ

• DTAC* (40) : ราคาหุ้นปรับลดลงมากเกินไป ซื้อขายที่เพียง 36% ของ market cap TRUE ในขณะที่มีมูลค่าของลูกค้าหนึ่งราย (EV/Subscriber) ที่ 4,481 บาท ต่ำกว่า TRUE ที่ 13,313 บาท ทั้งที่ยังคงมีลูกค้า 25.7 ล้านราย (TRUE ที่ 22.6 ล้านราย)

• SGP* (13.50) : การดำเนินงานเข้าสู่ high season ไตรมาส 4 ซึ่งผลการดำเนินงานมักจะดีทั้งที่ไทยและจีน แม้ปีนี้ผลการดำเนินงานจะอ่อนแอ แต่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ไทยยังสนับสนุนการจ่ายปันผล 0.50 บาท/หุ้น

• SMT* (9.50) : ผลการดำเนินงาน turnaround มีกำไรเป็นบวก 4 ไตรมาสต่อเนื่องและคาดเร่งตัวขึ้นในไตรมาส 4/59 จากสินค้าใหม่, IC packaging และ wafer dicing ทั้งนี้การหยุดผลิต HDD Assembly ในปี 2560 จะทำให้มีกำลังการผลิตสำหรับสินค้าใหม่ๆเพิ่ม concensus ประเมินกำไรปี 2560 เพิ่มขึ้น 155%