ส่องยุทธวิธี-ยุทธการจับ'ธัมมชโย' ดิ้นเฮือกสุดท้าย'ธรรมกาย'?

ท่าทีล่าสุด (11ธ.ค.) ของ "ธรรมกาย" ที่ออกมาประกาศ จุดยืน 9 ข้อ นำโดย องอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เห็นได้ชัดว่า "ดิ้นสู้" สุดฤทธิ์

โดยเฉพาะ "ข้อ 8. คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายนับล้านคน คณะสงฆ์และชาวพุทธทั่วโลก ได้จับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด องค์กรพุทธนานาชาติจำนวนมากได้ทำหนังสือทักท้วงไปยัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีขอให้ระงับยับยั้งการใช้ความรุนแรงต่อพระสงฆ์ ชาวพุทธ และวัดในพระพุทธศาสนา"

ไม่ได้ขู่ แต่บอกให้ฝ่ายรัฐบาลรู้ว่า "ศิษย์ธรรมกาย" ภายใต้บารมีของ "ธัมมชโย" นั้น มีเป็นล้านคน ยังไม่นับชาวธรรมกายอยู่ต่างประเทศทั่วโลก รวมไปถึงประเด็นทูลถวายฎีการ้องทุกข์ฯด้วย

ดูเหมือนช่วงจังหวะนี้ "ธรรมกาย" ยังอุบไม้เด็ดในการรองรับแผนบุกของจนท.รัฐ ซึ่งท่ามกลางกระแสข่าวว่าศิษยานุศิษย์ต่างหลั่งไหลเข้าวัดเพิ่มขึ้น

ท่าทีรัฐบาล วันนี้ (12ธ.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ระบุว่า มีแผนงานอยู่แล้ว ซึ่งตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ดำเนินการได้อยู่แล้ว ไม่เป็นไร ค่อยๆทำไป ส่วนตำรวจจะเข้าจับกุมพระธัมมชโยให้ได้ภายในวันพรุ่งนี้ (13ธ.ค.) พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ขอตอบ ส่วนพระธัมมชโย ยังอยู่ในวัดธรรมกายหรือไม่ ไม่ขอตอบเช่นกัน

ขณะเดียวกัน ฝ่ายรัฐบาล ไล่มาตั้งแต่ท่าที "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุเมื่อวันที่7 ธ.ค. ว่า ผู้ถูกกล่าวหาออกมาชี้แจง และมามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นประเด็นอยู่อย่างนี้ สร้างความขัดแย้งไปเรื่อย ไม่มีผลดีอะไรทั้งสิ้น

"ถ้ามองคดีนี้ก็เหมือนคดีทั่วๆไป คนๆหนึ่งทำความผิดก็ต้องดำเนินคดี จะจับกุมมีหมายค้นจับได้เมื่อไร ก็จับเมื่อนั้น ถ้ามีมาตรการเข้าไปแล้วเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็จำเป็นต้องระมัดระวังให้มากที่สุด แต่ก็ต้องจับ"

ด้าน "สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินคดีกับ "ธัมมชโย" หลังตำรวจวางแผนดำเนินการจับกุมว่า ได้มอบให้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ประสานงานและสนับสนุนการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตำรวจ โดยให้ร่วมมืออย่างเต็มที่

สอดรับกับ "นิด้าโพล" ที่ออกมาระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่ แนะ "ธัมมชโย" ควรมอบตัวด้วยตนเอง เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์

ทำให้เห็นชัดว่า ทั้งผู้นำรัฐบาล ฝ่ายที่รับผิดชอบ และโพลล์สำรวจประชาชนไปในทิศทางเดียวกัน เสมือนสถานการณ์ "สมควรแก่เหตุ" ที่จะเข้าตรวจค้นจับกุมได้แล้ว?

น่าสนใจว่า วันนี้ (12ธ.ค.) มีรายงานข่าวในการเข้าค้นวัดพระธรรมกาย ด้านพศ.และเจ้าคณะจังหวัดฯ น่าจะมีบทบาทและรับหน้าที่ในส่วนนี้ได้ ซึ่ง "ดีเอสไอ" จะมีการประชุมแผนปฏิบัติการเป็นการภายในอีกครั้ง เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจแนวปฏิบัติอย่างรอบคอบ ป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด

แต่น่อนว่า "กำลังหลัก" คือตำรวจ "บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) หนุนเต็มที่ ซึ่งผู้ที่ได้รับมอบหมาย "บิ๊กปู" พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) คนที่ถูกจับตาว่าจะได้ผบ.ตร.คนต่อไปนั่นเอง

ช่วงต้นเดือนนี้ (1ธ.ค.) ระบุว่า จะได้ตัว "ธัมมชโย" ภายใน3เดือน งัดมาตรการกฎหมายขู่ฟันรักษาการเจ้าอาวาส ฐานให้ที่พักพิงผู้ต้องหา

ทั้งนี้ ประเมินกำลังพล "ดีเอสไอ" และ "ตำรวจ" สนธิกำลัง "ทหาร" และ "ฝ่ายปกครอง" คาดว่ารวมกว่า 3,000 คน พร้อมด้วยยุทโธปกรณ์ต่างๆ อย่าง เฮลิคอปเตอร์ สุนัขตำรวจ รถคลื่นเสียงแรงสูงทำลายแก้วหู รถฉีดน้ำความดันสูง และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด ซึ่งเรียกได้ว่าฟูลทีมพร้อมจัดเต็ม

กล่าวกันว่า "ยุทธการ" ลุยจับธัมมชโยนั้น รัฐบาลหวังใช้ทั้งกระแสสังคมที่เรียกว่า "สถานการณ์สุกงอม" ยิ่งเห็นชาวโซเชียลฯบ่นหนาหูทำนองว่า เมื่อไหร่จะจัดการให้เรียบร้อย ตามดูตามลุ้นจนน่าหน่ายไปหมดแล้ว ย่อมเป็น "ไฟเขียว" เป็นความชอบธรรมให้จนท.รัฐดำเนินการ

ส่วน "ยุทธวิธี" นั้น หากไล่เรียงคำพูดข้อบิ๊กตร.,อธิบดีดีเอสไอ และพศ.แล้ว ย่อมสะท้อนว่า อาจจะไม่ลุยแบบม้วนเดียวจบ คงต้องเข้าไปในวัดธรรมกายหลายครั้งหรือไม่ ด้วยท่าทีไม่แข็งกร้าว เพื่อจะได้ภาพอีกฝ่ายที่ดื้อแพ่งปกป้องผู้ต้องหาไม่ยอมพิสูจน์ตัวเองตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเหมือนลดความรู้สึกเห็นใจของคนภายนอกหรือชาวพุทธฯทั่วไปลง ก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม ทั้งยุทธวิธีและยุทธการ ซึ่งฝ่ายรบ.เผยให้รู้ เหมือนบอกให้กลัวว่า "เอาจริง" และฝ่ายธรรมกายยังอุบไม้เด็ดไว้ หรือไม่มีอะไรจะสู้? คงต้องคงต้องจับตากันต่อไป!!