ชาวโนนไทยบุกโรงพัก โวยถูกโกงเงินฌาปนกิจสงเคราะห์

ชาวโนนไทยบุกโรงพัก โวยถูกโกงเงินฌาปนกิจสงเคราะห์

ชาวบ้านอำเภอโนนไทย โคราช บุกโรงพักโวยถูกโกงเงิน สหกรณ์ฌาปนกิจสงเคราะห์ หลังไม่ได้เงินตามสัญญา แถมสหกรณ์ถูกไฟไหม้ปริศนา

วันนี้(10ธ.ค.59) เวลา 11.30 น. ที่สถานีตำรวจภูธรโนนไทย อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา ชาวบ้านจากในพื้นที่อำเภอโนนไทย และอำเภอพระทองคำ จังหวัดนครราชสีมา ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์สมาชิกและคู่สมรส สหกรณ์การเกษตรโนนไทย จำกัด ต่างทยอยพากันนำเอกสารการเป็นสมาชิกสหกรณ์ฯเข้าพบให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรโนนไทย หลังจากที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากทางสหกรณ์ฯ เนื่องจากมีการเรียกเก็บเงินกับสมาชิกเพิ่มมากขึ้นและบ่อยครั้ง และไม่มีการมอบเงินให้กับทางญาติของผู้เสียชีวิต ที่เป็นสมาชิกตามจำนวนเงิน 160,000 – 170,000 บาท ที่กำหนดไว้

นอกจากนั้นเมื่อมีการทวงถามไปยังสหกรณ์ฯ สมาชิกก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากทางสหกรณ์ฯ อีกทั้งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้เหตุเพลิงไหม้ปริศนาที่สำนักงานสหกรณ์ฌาปนกิจสงเคราะห์ และทำให้เอกสารของสมาชิกนั้นถูกเผาทำลายไปด้วย จึงเกรงว่าเงินที่ทางสมาชิกได้มีการจ่ายเข้ามายังสหกรณ์ฯในแต่ละปี เป็นระยะเวลาหลายสิบปี นั้นจะไม่ได้คืน จึงต่างพากันนำเอกสารการเป็นสมาชิกเข้ามามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง

ด้านนางสาวณัฐธิฌา นาคา หนึ่งในผู้ที่เป็นสมาชิก เปิดเผยว่า วันนี้ตนเองเดินทางมาที่ สภ.โนนไทย เนื่องจากต้องการที่จะเอาเอกสารมาแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าตนเองนั้นเป็นสมาชิกกับทางสหกรณ์จริง หลังจากที่สหกรณ์ฯได้ถูกไฟไหม้และมีเอกสารของสมาชิกบางคนสูญหาย อีกทั้งก็เพื่อที่จะติดต่อขอรับเงินที่ตนเองส่งไปทั้งหมด เนื่องจากมีหลายคนที่เป็นสมาชิกนั้นไม่ได้เงินตามจำนวนกับที่ทางสหกรณ์แจ้งไว้ อย่างเช่นบางรายที่เสียชีวิต ทางสหกรณ์ก็จะนำเงินไปมอบให้ในวันเผาศพเป็นจำนวนเงิน 3 หมื่น อีก ส่วนที่เหลืออีกกว่า 1 แสนบาท นั้นทางสหกรณ์ฯก็จะผ่อนชำระให้ แต่จากการสอบถามว่าทำให้ไม่จ่ายเงินให้สมาชิกหมดในงวดเดียว ทางสหกรณ์ก็จะแจ้งว่าเงินไม่พอจ่าย เนื่องจากมีคนเสียชีวิตมาก และยังมีสมาชิกรายอื่นที่ยังค้างจ่ายอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องมีการเอาสมาชิกในประเภท ก. และประเภท ข. มารวมกัน ซึ่งตนเองก็ไม่เข้าใจว่าเงินจะไม่มีเพียงพอได้อย่างไร เนื่องจากทางสหกรณ์จะมีการเรียกเก็บเงินล่วงหน้า เป็นปี โดยใน 1 ปี จะมีการเรียนเก็บเงิน 3 ครั้ง ซึ่งในครั้งแรกที่ตนเองทำ เมื่อปี 2549 ครั้งนั้นตนเองได้ทำให้สมาชิกในบ้านจำนวนทั้งสิ้น 3 คน และจะส่งเงินเข้าสหกรณ์ฌาปนกิจ รายละ 1,400 บาท รวมเป็นเงิน 4,200 บาท ที่ตนเองต้องจ่ายให้กับสมาชิกในบ้านทั้ง 3 คน ต่อปี

จนกระทั้งช่วงประมาณปี 2551ทางสหกรณ์ก็ได้มีการเรียกเงินเก็บเพิ่มเป็น รายละ 1,800 บาท รวมต่อปีที่ตนเองต้องจ่ายให้กับสหกรณ์ 5,400 บาท รวมๆแล้วตนเองได้จ่ายเงินไปแล้วเป็นจำนวนเงินกว่า 3 แสนบาท ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะได้คืนหรือไม่ และจากการสอบถามที่ทางสหกรณ์เมื่อวันที่ 22 พ.ย.59 ที่ผ่านมา ถึงจำนวนสมาชิกทั้งหมด ทราบว่า ขณะนี้มีชาวบ้านที่เป็นสมาชิกอยู่กว่า 8 พันคน ซึ่งทางสหกรณ์ฯจะจ่ายเงินให้ผู้เสียชีวิตรายละ 20 บาท ซึ่งสมาชิกที่มีอยู่กว่า 8 พันคน ก็จะทำให้ญาติของผู้เสียชีวิตนั้นมีเงินในการจัดงานศพประมาณรายละ 160,000-170,000 บาท แต่ที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครได้รับเงินตามจำนวนที่แจ้งไว้

จนกระทั้งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านได้มีสมาชิกหลายคนเดินทางเข้าไปสอบถามถึงจำนวนเงินต่างๆกับทางสหกรณ์ฯ และหลังจากนั้นก็เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นมา ก็ยิ่งทำให้สมาชิกหลายคนสงสัยว่าเหตุการณ์เพลิงไหม้นั้นอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นจากธรรมชาติ และส่อไปในทางทุจริต ทำให้มีการรวมตัวมาที่สถานีตำรวจดังกล่าว และหลังจากที่เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้สหกรณ์ฯก็ยังไม่มีใครที่จะออกมาชี้แจงกับสมาชิกเลยแม้แต่คนเดียว ดังนั้นตองเองและเพื่อนสมาชิกต้องการที่จะให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเข้ามาดำเนินการตรวจสอบหรือชี้แจ้งทุกกรณีที่ชาวบ้านอยากทราบว่าเงินทั้งหมดของชาวบ้านที่ส่งเข้ามานั้นอยู่ที่ไหนและใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

ด้านนางวารี กลมเพชร อายุ 46 ปี หนึ่งในสมาชิกที่ได้รับเงินจากสหกรณ์ฌาปนกิจไม่ครบจำนวน เปิดเผยว่า แม่ของตนเองได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2559 ที่ผ่านมา ก็ได้รับเงินจากการเป็นสมาชิกของสหกรณ์ฌาปนกิจฯเพียง 70,000 บาท ซึ่งตามสัญญาตนเองนั้นจะต้องได้รับเงินเป็นจำนวน 170,000 บาท แต่เมื่อมีการติดต่อสอบถามไปยังสหกรณ์ก็แจ้งว่า คนจ่ายเงินไม่อยู่ไปดูงานที่ต่างจังหวัด และเมื่อครั้งที่สองไปสอบถาม ทางสหกรณ์ฯแจ้งว่า กรรมการที่ไปเซ็นต์ถอนเงินที่ธนาคาร ธ.ก.ส เกิดการเซ็นต์ผิด ดังนั้นจึงทำให้กรรมการแยกย่ายกลับบ้าน และหากโทรศัพท์ตามธนาคารก็จะปิดทำการพอดีอย่างนั้นค่อยมาติดต่อใหม่ และเมื่อครั้งที่สาม ตนเองจึงโทรศัพท์มาสอบถามที่สหกรณ์ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเกิดไฟไหม้เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานได้ ดังนั้นจึงทำให้งานทำบุญ 100 วัน ก็ไม่สามารถที่จำดำเนินการได้ เพราะไม่มีเงินอีกทั้งงานศพที่ผ่านมาก็ยังคงค้างจ่ายอยู่ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาหยิบยืมเงินจากที่ไหนมา ดังนั้นตนจึงต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเรื่องดังกล่าว นางวารี  กล่าว

ด้านพันตำรวจโทธวัช บุญเคหา พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า หลังจากนี้ไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องเร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ของชาวบ้านที่เป็นสมาชิกกับสหกรณ์ฌาปนกิจสงเคราะห์ และสมาชิกที่เสียชีวิตแล้วที่ยังไม่ได้รับเงินครบตามจำนวน อีกทั้งก็จะต้องทำการสอบปากคำกับสมาชิก ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้นจะต้องใช้ระยะเวลาในการสอบสวน เนื่องจากมีสมาชิกทั้งหมด กว่า 8 พันคน แต่การที่ชาวบ้านมาในวันนี้ก็เพราะกลัวว่าเอกสารของตนเองที่อยู่ในสหกรณ์ฯ ที่ถูกไฟไหม้ไปไม่กี่วันที่ผ่านมานั้น อาจจะถูกเผาทำลายไปด้วยจึงต้องการที่จะนำเอกสารของตนเองที่มีอยู่ มาแสดงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อช่วยตรวจสอบ

แต่อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุไฟไหม้สหกรณ์ฯ ก็พบว่ามีเพียงเอกสารบางส่วนที่ถูกเผาทำลายจนเสียหายแต่เป็นส่วนน้อย แต่อย่างไรก็ตามเครื่องคอมพิวเตอร์ของสหกรณ์ฯก็ไม่ได้ถูกเผาทำลาย ดังนั้นตนเองจึงเชื่อว่าจะสามารถเปิดเครื่องคอมและตรวจสอบข้อมูลต่างๆได้อย่างแน่นอน และในขณะนี้เอกสารของทางสหกรณ์ รวมทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็นำมาเก็บรักษาไว้ ที่สถานีตำรวจเป็นที่เรียบร้อย เพื่อเตรียมประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีของสหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา ในการเข้าช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินของสหกรณ์ดังกล่าวภายในสัปดาห์หน้า แต่อย่างไรก็ตามตนเองยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน