Daily Market Outlook (6 ธ.ค.59)

Daily Market Outlook (6 ธ.ค.59)

คลายความกังวลเรื่องประชามติ

คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นโลกเนื่องจากนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลเรื่องประชามติในอิตาลีหลังจากที่ประชาชนออกเสียงคัดค้านว่าด้วยการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ ในขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่ง นอกจากนี้ หุ้นพลังงานยังถูกหนุนโดยการบรรลุข้อตกลงของ OPEC ในการลดการผลิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปัจจัยภายในประเทศค่อนไปทางบวกจากความคืบหน้าในการลงทุนโครงการรถไฟและไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ อีกทั้งปัจจัยบวกจากกลุ่มสื่อสาร

หุ้นเด่นวันนี้: TU (ราคาปิด 20.60 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายของ AWS ที่ 25.00 บาท)

เราคาดว่า TU ได้รับผลบวกจากนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลทรัมป์เกี่ยวกับเรื่องการว่าจ้างงานในสหรัฐฯ รวมถึงการกีดกันทางการค้า โดยบริษัทของ TU ที่ตั้งถิ่นฐานในสหรัฐฯ ได้แก่ Chicken of the Sea, Chicken of the Sea Frozen Foods และ US Pet Nutrition รวมถึง Red Lobster ซึ่ง TU เพิ่งเข้าซื้อกิจการเรามองว่าค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นปีนี้ไปจนถึงปี 2560 หลังจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะแข็งค่าต่อเนื่อง ทั้งนี้ TU มีรายได้ในรูปเงินเหรียญสหรัฐฯ ราว 63% ของรายได้รวมในงวด 9M59 และเราเชื่อว่าฐานธุรกิจของ TU ในสหรัฐฯ ที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทย่อยของ TU จะได้ประโยชน์จากนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ เช่นการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของกิจการในสหรัฐฯ จาก 35% เป็น 15% อีกทั้ง TU เพิ่งซื้อกิจการ Red Lobster ด้วยเงินลงทุน 575 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมีการอัตราตำแหน่งการจ้างงานในสหรัฐฯ มากขึ้น 50,000 อัตรา จะมีแนวโน้มได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์อีกด้วยนอกจากนี้ เรามองว่าการเกิดการแพร่ระบาดไข้หวัดนกในหลายประเทศทั่วโลก จะทำให้พฤติกรรมการบริโภคเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ปีก และหันมาบริโภคอาหารทะเลทดแทนบางส่วนแต่ไม่มากนัก เราแนะนำให้นักลงทุนปรับลดการลงทุนจากหุ้นกลุ่มไก่เช่น CPF, GFPT, TFG และ BR แนะนำหันมาลงทุน TU แทน เราคาดกำไรสุทธิปี 2559 เติบโต 31% และ 18% ในปี 2560 เราแนะนำซื้อ ประเมินราคาเป้าหมายที่ 25 บาท โดยอิงค่า PER ในปี 2560 ที่ 20 เท่า ซึ่งเป็นระดับ PER ของภาวะอุตสาหกรรม Price Pattern ของ TU ถือว่ายังมีความอ่อนแอในแนวโน้มหลักที่เป็นขาลงอย่างชัดเจน จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Sell Signal อย่างไรก็ตาม Price Pattern ของ TU จะเริ่มกลับมาดูดีขึ้นในระยะสั้นเมื่อสามารถปรับตัวขึ้นมาปิดตลาดได้เหนือ 21.00 บาท ซึ่งจะทำให้ กลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ กรณีที่กลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ด้วยการปิดตลาดที่ 21.10 บาท เป็นอย่างน้อย มีเป้าหมายหลักอยู่ที่ 22 บาท แต่ในกรณีที่ Price Pattern ของ TU ยังไม่สามารถกลับมาเกิด Daily Buy Signal ได้สำเร็จ คาดว่าจะยังเห็นการแกว่งตัวอย่างผันผวนของ TU ไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่า Price Pattern ของ TU จะกลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ได้สำเร็จ (Resistance: 20.70, 20.80, 21.00; Support: 20.50, 20.30, 20.20)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• กองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ล็อกแรกจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทยหรือไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFF) มูลค่า 4 หมื่นล้านบาทจะถูกยื่นให้กลต. พิจารณาก่อนบรรจุเข้าวาระการประชุมของคณะรัฐมนตรีในเดือนนี้ โดยที่การทำเสนอขายกองทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า โครงการสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ 3 โครงการจะใช้เงินจากโครงการดังกล่าว ได้แก่ โครงการมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 จากบางนา-ชลบุรี, ทางด่วนพระราม 3 – ดาวคะนอง และโครงการมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 บางนา-บางปะอิน (Bangkok Post)

• รัฐขอให้ญี่ปุ่นสนับสนุนโครงการรถไฟ คาดว่ารัฐบาลจะขอความร่วมมือจากญี่ปุ่นอย่างเป็นการในการร่วมลงทุนโครงรถไฟความเร็วสูงมูลค่า 5 แสนล้านบาทเมื่อตัวแทนระดับสูงจากญี่ปุ่นมีกำหนดมาเยือนไทยในเดือนนี้ โครงการดังกล่าวเป็นเส้นทางระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการเซ็น MoUบนความร่วมมือในโครงการรถไฟระหว่างนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของไทยกับ H.E. Keiichi Ishii ตัวแทนจากญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (Bangkok Post)

• กสทช. เตรียมเปิดประมูล 5G สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีแผนจะเปิดประมูลแบนด์วิธ 80 เมกะเฮิร์ตซ์ที่คลื่นความถี่ 2600 เมกะเฮิร์ตซ์ ภายในเดือนมิ.ย. ปีหน้าเพื่อรองรับเทคโนโลยีบรอดแบนด์ 5G จากการเปิดเผยของเลขาธิการ กสทช. คาดว่า 5G จะนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ทั่วโลกภายในปีค.ศ. 2020 (Bangkok Post)

• PTTEP(89.50 บ. ขาย ราคาเป้าหมาย AWS 73.00 บ.): รัฐบาลอินโดนิเซียเตรียมที่จะระงับใบอนุญาตและสินทรัพย์ปิโตรเลียมของ PTTEP ทั้งหมดในอินโดนิเซียเนื่องจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วของโครงการมอนทาราในทะเลติมอร์เมื่อปี 2552 และเตรียมที่จะให้ PTTEP ต้องจ่ายค่าเสียหายชดเชยที่มีต่อสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศให้กับชาวประมงและผู้ที่เกี่ยวข้องที่ได้รับความเดือดร้อน (The Jakarta Post)ความเห็น: เราประเมินผลกระทบค่อนข้างจำกัดจากการสั่งห้ามหยุดผลิตปิโตรเลียมในอินโดนิเซียเนื่องจากคิดเป็นเพียง 0.1% ของกำลังการผลิตปิโตรเลียมของ PTTEP ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามเรามีความกังวลต่อประเด็นการจ่ายค่าชดเชยมากกว่าหากอ้างอิงจากตัวเลขที่มีการโต้เถียงก่อนหน้านี้ที่ 150 ล้านดอลลาร์ฯ ที่จะกระทบต่อ EPS ของ PTTEP ราว 1.32 บาท ทั้งนี้เรายังคต้องงติดตามข้อมูลจากทางรัฐบาลอินโดนิเซียเพิ่มเติมเพื่อประเมินผลกระทบดังกล่าวได้ชัดเจนขึ้น เรายังคงคำแนะนำ ขาย สำหรับ PTTEP

ต่างประเทศ:

• Renziจะลาออกจากการเป็นนายกฯ หลังผลลงประชามติ ทำให้อิตาลีตกอยู่ในความไม่แน่นอนโดยผลโหวต No ออกมาถึง 59.1% มากกว่าที่คาดกันไว้ ทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นต่อระบบการเมืองและเศรษฐกิจของอิตาลีโดยเฉพาะภาคการธนาคาร โดยการลาออกของ Renziจะเปิดทางให้มีการเลือกตั้งใหม่ในต้นปีหน้า (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันจันทร์ จากรายงานว่าภาคบริการสหรัฐขยายตัวอย่างแข็งแกร่งซึ่งแสดงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ ในขณะที่นักลงทุนเมินผลการประชามติของอิตาลี ทำให้ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (Reuters)

• กิจกรรมภาคบริการสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปีในเดือนพ.ย. สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานดัชนีภาคบริการของ ISM ปรับตัวขึ้นอยู่ที่ 57.2 จากที่ระดับ 54.8 ในเดือนต.ค. การปรับตัวดังกล่าวเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดนับแต่เดือนต.ค. 58 เนื่องจากมีการผลิตเพิ่มขึ้นส่งผลให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 54.6 ในเดือนพ.ย. ถึงแม้ว่าต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 54.7 และตัวเลขในเดือนต.ค. ที่ 54.8 แต่ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปปิดสูงขึ้นเป็นส่วนใหญ่ นำโดยตลาดเยอรมันDAX บวก 1.63% ขณะที่ CAC 40 ของฝรั่งเศสบวก 1.00% และ FTSE ลอนดอนบวก 0.24% ขณะที่หุ้นอิตาลีปรับตัวลงเพราะผลจากประชามติ (CNN, AP)

• ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจยูโรโซนเดือน พ.ย. เติบโตอัตราเร็วที่สุดในปี 59 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ของ IHS Markit สำหรับผู้ผลิตและผู้ให้บริการของยูโรโซนเพิ่มสู่ 53.9 ใน พ.ย. สูงสุดนับแต่ ธ.ค. 58 จาก 53.3 ใน ต.ค. แม้จะอ่อนแอกว่าคาดไว้ตอนแรกที่ 54.1 ดัชนี PMI นี้เพิ่มขึ้นนำโดยดัชนี PMI รวมของอิตาลีสู่จุดสูงสุดรอบเก้าเดือนช่วยหักล้างกับการลดลงของเยอรมันและฝรั่งเศส (WSJ)

เอเชีย:

• จีนจะปฏิรูปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม : การลงทุนของจีนจะประเทศเพื่อนบ้านขนาดเล็กในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในขณะที่ช่วยเปิดประเทศกัมพูชาลาวและเมียนมาร์ เป็นภาคการส่งออกที่ใหญ่ขึ้นซึ่งจะทำให้ภูมิภาคนี้ของโลกมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วที่สุด การให้บริษัทจีนมีทางเลือกต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะค่าแรงงานต่ำที่สุด ทำให้จีนพยายามที่จะย้ายกำลังการผลิตออกจากประเทศ ประเทศจีนกำลังลงทุนในทุกอย่างตั้งแต่การสร้างทางรถไฟอสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชาลาวและเมียนมาร์ตามตลาดชายแดนของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(Bloomberg)

• ทรัมป์ประกาศจุดยืนของเขากับความสัมพันธ์จีนด้วยการโทรติดต่อกัน ปธน.ไต้หวัน : โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนLu Kang แถลงข่าวที่กรุงปักกิ่งในวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯDonald Trump และทีมงานของเขามีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนต่อท่าทีที่มีต่อจีน จากการโทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีไต้หวันไช่อิงเหวินในวันศุกร์ ซึ่งไต้หวันเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนมากที่สุดระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาไม่มีการอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่งที่ชัดเจนของจีน จากทรัมป์และทีมงานของเขาและเขาปฏิเสธที่จะคาดเดาเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่เบื้องหลังการโทรศัพท์คุยกันระหว่างทรัมป์และประธานาธิบดีไต้หวัน(Reuters)

• ตลาดหุ้นนิกเกอิตกในวันที่ 5 ธันวาคม หลังการลงประชามติของอิตาลีสร้างโอกาสการขายหุ้น : หุ้นนิกเกอิของญี่ปุ่นปรับตัวลดลงในวันจันทร์หลังจากความพ่ายแพ้นายกรัฐมนตรีอิตาลี Matteo Renziในการปฏิรูปประชามติรัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้นักลงทุนเทขายหุ้นหลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตลอด 11 เดือนในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานิกเกอิปรับตัวลดลง 0.8%เป็น 18,274.99 จุด ต่ำสุดนับตั้งแต่ 22 พฤศจิกายน 2559 (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาทองคำร่วงวันจันทร์ สู่จุดต่ำสุดในรอบ 10 เดือนเพราะตลาดหุ้นทั่วโลกแข็งขึ้นและนักลงทุนคลายความกังวลจากเหตุการณ์ทางการเมืองในอิตาลี ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวดีขึ้นหนุนโดยข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจ ราคาทองคำตลาดจรลดลง 1.6% สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. อยู่ที่ 1,157 ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้าลดลง 0.1% อยู่ที่ 1,176.50 ต่อออนซ์ (Reuters)

• ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นวานนี้ เนื่องจากแนวโน้มในตลาดดีขึ้นหลังจากกลุ่ม OPEC บรรลุข้อตกลงที่จะลดกำลังการผลิตเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น 11 เซนต์ หรือ 0.21% อยู่ที่ 51.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ หรือ 0.88% อยู่ที่ 54.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (Reuters)