หลักไมล์ที่ 201 ของ 'ทอม เบรดี'

หลักไมล์ที่ 201 ของ 'ทอม เบรดี'

ชัยชนะของ นิวอิงแลนด์ เพเทรียทส์ เหนือ เซนต์หลุยส์ แรมส์ 26-10

 เมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ผ่านมา นอกเหนือจากการนำต้นสังกัดขยับเข้าใกล้ โควตาเพลย์ออฟเข้าไปอีกก้าว ด้วยสถิติ 10-2

ยังเป็นการปักหมุดสำคัญในชีวิตการเล่นอาชีพของสุดยอดควอเตอร์แบ็ก ทอม เบรดี ในฐานะจอมทัพที่ทำสถิติชนะมากที่สุดตลอดกาล ด้วยจำนวน 201 นัดอีกด้วย

คนที่199

ในการดราฟท์ผู้เล่นฤดูกาล 2000 เบรดี ไม่ใช่ผู้เล่นที่ถูกจับตามองมากนัก เมื่อถูก เพเทรียทส์ เลือกเข้าสู่ทีมในรอบที่ 6 และเป็นลำดับที่ 199 ในบรรดาผู้เล่นจากมหาวิทยาลัยทั้งหมดในปีนั้น เพราะในช่วงเวลาดังกล่าว “นักรบกู้ชาติ” มีควอเตอร์แบ็กระดับสุดยอดคือ ดรูว์ เบลดโซ อยู่ในทีมแล้ว

สถานะของ เบรดี ในฐานะรุกกี เป็นเพียงควอเตอร์แบ็กตัวเลือกลำดับสี่ในทีม มีโอกาสขว้างเพียง 3 ครั้ง สำเร็จ 1 ครั้ง ทำระยะเพียงหกหลาเท่านั้น แต่หลังจบฤดูกาล บิลล์ บีลิชิค ก็ตัดสินใจเลื่อนเจ้าตัวขึ้นมาเป็นแบ็กอัพให้กับ เบลดโซ แซงหน้ารุ่นพี่ทั้ง จอห์น ฟรีซ และ ไมเคิล บิชอพ

จุดพลิกผัน

ในเกมกับ นิวยอร์ค เจ็ทส์ เมื่อ 23 ก.ย. 2001 เบลดโซ ได้รับบาดเจ็บหนักจากการปะทะกับ โม ลิวอิส ไลน์แบ็กเกอร์ของ เจ็ทส์ ในคอวเตอร์สุดท้าย ส่งผลให้ บีลิชิค ตัดสินใจส่ง เบรดี ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมพบ อินเดียนาโปลิส โคลท์ส ซึ่งเจ้าตัวก็นำต้นสังกัดชนะนัดแรกของฤดูกาล 44-13 ทำเรตติงในการขว้าง 79.6 และยึดตำแหน่งตัวจริงจาก เบลดโซ ได้สำเร็จ

เพเทรียทส์ จบฤดูกาลปกติด้วยตำแหน่งแชมป์ เอเอฟซี ตะวันออก ส่วน เบรดี ที่ขว้างไป 2,843 หลา 18 ทัชดาวน์ ก็ได้รับเลือกเข้าสู่ทีมโปรโบว์ลในปีนั้นด้วย

ซูเปอร์โบว์ลแรก

เบรดี และ เพเทรียทส์ กลายเป็นม้ามืดในรอบเพลย์ออฟปีนั้น ทั้งการไล่ตีเสมอ โอ๊คแลนด์ เรดเดอร์ส ทั้งที่เป็นฝ่ายตามหลังถึง 10 คะแนนในควอเตอร์สุดท้าย ก่อนเฉือนชนะในช่วงต่อเวลาด้วยฟิลด์โกลของ อดัม ไวนาเทียรี ตามด้วยการชนะ พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ในรอบชิงแชมป์สาย เอเอฟซี

เพเทรียทส์ ลงสนามในรอบชิงซูเปอร์โบว์ล ในสถานะที่เป็นรอง เซนต์หลุยส์ แรมส์ ของ เคิร์ท วอร์เนอร์ ทีมที่มีสุดยอดเกมรุกของยุคนั้นถึง 14 แต้ม ตามการออกราคาของ ลาส เวกัส

ในสถานการณ์ที่บีบคั้น หลัง แรมส์ ไล่ตีเสมอเป็น 17-17 ในควอเตอร์สุดท้าย เบรดี นำทีมบุกของ เพเทรียทส์ ทำระยะขึ้นมาถึงระยะฟิลด์โกล ทั้งที่ไม่มีเวลานอกเหลือในมือ ก่อน ไวนาเทียรี จะเป็นฮีโร่ตัดสินจากระยะ 48 หลาให้ม้ามืดจาก เอเอฟซี เป็นผู้ชนะ 20-17

ผู้ทุบสถิติ

นับแต่นั้น เบรดี และ บีลิชิค ก็นำ เพเทรียทส์ ก้าวขึ้นมาเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดใน เอ็นเอฟแอล ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา ด้วยตำแหน่งแชมป์ซูเปอร์โบว์ลถึง 4 สมัย เอ็มวีพี 2 สมัย

แม้จะไม่ใช่ควอเตอร์แบ็กที่มีพลังแขนมหาศาล หรือแม่นยำ เหมือน เพย์ตัน แมนนิง หรือ แอรอน ร็อดเจอร์ส แต่จุดเด่นของ เบรดี คือการขับเคลื่อนเกมบุกอย่างชาญฉลาด เพื่อชัยชนะ กระทั่งสร้างสถิติใหม่ๆขึ้นมาอีกมากมาย อาทิ การทำเรตติงระดับ 145+ ถึง 13 เกม ตลอด 16 ฤดูกาล การขว้างติดต่อกันถึง 335 ครั้งโดยไม่เสียอินเตอร์เซปท์ ในปี 2010

และที่สำคัญที่สุด คือการเป็นเจ้าของสถิติชนะมากที่สุดตลอดกาล ทั้งในฤดูกาลปกติและโพสต์ซีซันคนใหม่

เบรดี ที่ในฤดูกาลนี้พลาดโอกาสลงสนามใน 4 นัดแรก เพราะคดีปล่อยลมบอล ทาบสถิตินำทีมชนะ 200 นัดของ แมนนิง คู่ปรับตลอดกาลที่เพิ่งรีไทร์ไปในช่วงปิดฤดูกาล ในเกมกับ นิวยอร์ค เจ็ทส์ เมื่อสัปดาห์ก่อน

กระทั่งแซงขึ้นเป็นเจ้าของสถิติคนใหม่ หลังขว้างสำเร็จ 33 จาก 46 ครั้ง ระยะรวม 269 หลา 1 ทัชดาวน์ นำ เพเทรียทส์ ชนะ แรมส์ ไปขาดลอย 26-10

เป้าหมายต่อไป

ชัยชนะเหนือ แรมส์ ทำให้สถิตินำทีมชนะเฉพาะในฤดูกาลปกติของ เบรดี ขยับเพิ่มเป็น 179 นัด ขาดอีกเพียง 7 นัด ก็จะทาบสถิติตลอดกาลที่ แมนนิง (1998-2015) ทำไว้ร่วมกับ เบร็ตต์ ฟาฟร์ (1991-2010) นั่นหมายความว่า เบรดี ในวัย 39 ปี มีโอกาสบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ ภายในฤดูกาลหน้า 

หากพิจารณาจากสภาพร่างกายที่ผ่านการดูแลเป็นอย่างดี รวมถึงศักยภาพของ เพเทรียทส์ ที่เน้นระบบมากกว่าผู้เล่นซูเปอร์สตาร์เป็นหลัก การบรรลุเป้าหมายดังกล่าวก็ไม่น่าจะยากเกินความสามารถ

นอกจากสถิติส่วนตัว อีกหนึ่งเป้าหมายที่ เบรดี วางไว้ คงไม่พ้นการเป็นผู้เล่นคนที่สองในประวัติศาสตร์ ถัดจาก ชาร์ลส์ เฮลีย์ ดีเฟนซีฟ เอนด์ระดับตำนานของ ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส และ ดัลลัส คาวบอยส์ ในการคว้าแหวนซูเปอร์โบว์ลมาครองเป็นวงที่ห้า

แม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะย้อนกลับไปเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว ก็คงไม่มีใครคาดคิดเช่นกันว่าควอเตอร์แบ็กที่ถูกดราฟท์ในรอบหก จะกลายเป็นจอมทัพที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์วงการอเมริกันฟุตบอลปัจจุบัน

กรุงเทพธุรกิจ