ลูกผบ.มทบ.38 เปิดใจออกรพ. บางคืนนอนผวา-จะทำบุญสะเดาะเคราะห์

ลูกผบ.มทบ.38 เปิดใจออกรพ. บางคืนนอนผวา-จะทำบุญสะเดาะเคราะห์

"เจมส์บอนด์" ลูกผบ.มทบ.38 เปิดใจออกรพ. บางคืนนอนผวา ย้ำไม่โกรธถูกทำร้าย หลังจากนี้จะไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ เผยคู่กรณีจะขอพบ-เยียวยา

เมื่อเวลา13.00น. วันนี้ (5 ธ.ค.) ที่โรงพยาบาลล้านนา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายอิศราชนุวัฒน์ วรรคาวิสันต์ บุตรชายผบ.มทบ.38 และแม่ นางปุนยวัจนา วรรคาวิสันต์, นพ.ราชันย์พัทธ์ วรเวชานนท์ ศัลยแพทย์โรงพยาบาลลานนา พร้อมด้วยนายสันติภาพ อินทรพัฒน์ ทนายความร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าอาการของนายเจมส์บอนด์และขอบคุณประชาชนที่ได้ส่งกำลังมาตลอดที่นายเจมส์บอนด์พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลลานนาระยะเวลา11วัน หลังจากถูกรุมทำร้ายร่างกายที่ร้านมาลินสกาย ในโครงการเชียงใหม่คอมเพล็กซ์ ย่านมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในช่วงกลางดึกของวันที่25พ.ย. ที่ผ่านมา

นายอิศราชนุวัฒน์ กล่าวว่า วันนี้รู้สึกดีใจที่จะได้ออกจากโรงพยาบาล ทางด้านสภาพจิตใจหลังถูกทำร้ายร่างกายบางครั้งก็ยังมีผวาอยู่บ้างในช่วงที่นอนหลับและตอนตื่นไม่ได้รู้สึกโกรธ และไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายเรา ต่อจากนี้ไปก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการกฎหมายดีกว่าเพราะว่าทุกๆคนคงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณคุณแม่ และครอบครัวที่เป็นห่วงเรามากที่สุดและพี่ๆสื่อมวลชนและเพื่อนๆทุกคน โดยเฉพาะในสื่อโซเชียลมีเดียที่มีการให้กำลังใจและติดตามความคืบหน้ากันเป็นจำนวนมาก อยากขอบคุณทุกคนที่เข้าใจและให้กำลังใจมาโดยตลอดครับ”

ขณะเดียวกัน ในวันเกิดเหตุนั้นตนก็ยืนยันว่ามีการณ์ดยืนอยู่บริเวณด้านหน้าห้องน้ำชาย และมีดาราอยู่ภายในห้องน้ำ แต่ตนไม่ทราบว่าเป็นใคร ซึ่งรายละเอียดเชิงลึกนั้นตนไม่ขอเปิดเผย เพราะจะต้องไปให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง

นางปุนยวัจนา กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมาน้องเจมส์บอนด์ไม่ได้ติดตามข่าวสารเลยเพราะว่ารู้สึกว่ามีผลกระทบต่อจิตใจในช่วงแรก ในส่วนของความหน้าของคดีตอนนี้ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและให้เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการกฏหมาย ซึ่งตอนนี้ไม่ได้เป็นห่วงในเรื่องนี้เลย โดย เมื่อวานที่ผ่านมานี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เข้ามาขอสอบสวนเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้เดินทางกลับไปอยู่ที่จังหวัดน่านแล้ว อาจจะกลับมาที่จังหวัดเชียงใหม่อยู่บ้าง แต่สาเหตุที่ทางตนต้องเอาน้องเจมส์บอนด์ ออกจากโรงพยาบาลก่อนก็เนื่องจากตนต้องไปทำภารกิจ ที่จังหวัดน่านต่อจึงต้องพาน้องเจมส์บอนด์กลับไปด้วย เนื่องจากได้คุยกับทางพ่อของน้องเจมส์บอนด์ หลังจากเกิดเหตุไว้ว่าต่อจากนี้ไปถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะไม่ให้ลูกอยู่ห่างและจะมีการเดินทางไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ที่วัดพระธาตุแช่แห้งจ.น่านต่อไป

ขณะเดียวกัน ในส่วนของการรักษาบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ นั้นตนคิดว่าน่าจะไม่มีปัญหา เนื่องจากโรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดน่าน รวมทั้งที่อยู่ภายในค่ายก็สามารถทำได้ ส่วนในเรื่องของการเรียนตอนนี้ทางน้องเจมส์บอนด์ก็ฝึกงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายในการรักษานั้นได้มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของทนายความ ส่วนการที่จะให้ทางฝั่งตรงข้ามเข้ามาพูกคุย ขอขมาไกล่เกลี่ยกรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นั้นทางตนยืนยันว่าต้องขอใช้เวลาทบทวนก่อน อย่างที่ได้ให้ข่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว

นายสันติภาพ กล่าวว่า ในเรื่องของรูปคดีนั้นทางผู้ก่อเหตุมีการกระตือรือร้นที่จะแสดงความรับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีกับรูปคดีว่ายังมีความรับผิดชอบและกล้ารับผิดอย่างลูกผู้ชาย โดยในรูปคดีไม่ได้ซับซ้อนมีการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายอย่างเป็นระบบ ซึ่งไม่น่ามีความกังวล โดยหลังจากนี้จะต้องมีการปรึกษากับทางครอบครัวน้องเจมส์บอนด์ว่าจะมีแนวทางดำเนินการอย่างไรต่อต้องมีการพิจารณาทบทวนอีกครั้งซึ่งไม่เป็นเรื่องน่าห่วง

โดยเมื่อวานที่ผ่านมาได้พูดคุยกับพนังงานสอบสวนยังมีหลายเหตุการณ์ที่ยังคงต้องอยู่ในขั้นตอนกระบวนการในชั้นศาล เนื่องจากไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุบางรายนั้นให้การปฏิเสธหรือยอมรับในข้อกล่าวหาใดหรือไม่

นพ.ราชันย์พัทธ์ กล่าวว่า ขณะนีอาการของนายเจมส์บอนด์ยังคงมีบาดแผลที่จมูกยังมีการบวมอยู่เล็กน้อย แต่ทางการหายใจยังไม่มีปัญหาโดยในวันนี้อาการในภาพรวม เริ่มดีขึ้นทางแพทย์จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ อย่างไรก็ตามการพักฟื้นอาการนั่นสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ แต่ห้ามกระทบกระเทือนแรง และคาดว่าประมาณ อีกหนึ่งสัปดาห์สภาพร่างกายจะดีขึ้นเป็นปกติตามลำดับ โดยทางแพทย์ก็จะมีการนัดตรวจร่างกายอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีอีกเรื่องที่ต้องดูแลคือเรื่องของฟัน รวมทั้งนัดตรวจติดตามในส่วนของตาที่ตอนนี้อาการดีขึ้นและมองเห็นเริ่มชัดเจนขึ้น แต่ยังมีอาการบวมช้ำ และมีเลือดออกตรงบริเวณเยื้อบุตา