เปิด“วิสัยทัศน์”แม่ทัพกลุ่มภิรัชบุรีสยายปีกอสังหาฯ

เปิด“วิสัยทัศน์”แม่ทัพกลุ่มภิรัชบุรีสยายปีกอสังหาฯ

ถือเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์“รุ่นแรก”ที่บุกเบิกธุรกิจอย่างจริงจัง สำหรับ “ประสาน ภิรัช บุรี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทภิรัชบุรี

อีกตระกูลนักพัฒนาอสังหาฯรายใหญ่ของไทย โดยปัจจุบันมีทั้งโครงการอาคารสำนักงานให้เช่า (ออฟฟิศ) ธุรกิจศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ที่ผ่านมายังผนึกพันธมิตรกับกลุ่มเดอะมอลล์ นำที่ดิน “ทำเลทอง”ย่านสุขุมวิทน ให้เช่าผุดห้างค้าปลีกลักชัวรี ต่อยอดอาณาจักรอสังหาฯให้แข็งแกร่ง 

ตระกูลนี้ยังถูกคาดหมายว่า มีแนวโน้มที่จะนำที่ดินที่สะสมหลายแปลงทั่วประเทศ มาพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดต้นทุนการเงินจากภาระภาษี หลังรัฐกำลังจะบังคับใช้กฎหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในปีหน้า ซึ่งประสานยอมรับว่า “ใช่”

“ผมไม่รอให้ไฟจี้ก้น นักธุรกิจต้องไปก่อน ผมมองเห็นโอกาสมากมาย แต่การพัฒนาที่ดินหรือโครงการใหม่ๆ เราต้องเลือกทำสิ่งที่เรามีทักษะ มีความสามารถ ทำดีที่สุด ทำได้เร็วที่สุด เสี่ยงน้อย เพื่อสร้างความมั่นคงยั่งยืน”  

เขายังกล่าวอย่างถ่อมตัวว่า..

“ที่ดินผมมีไม่มาก ไม่น่าจะถึงพันไร่ แต่ทำแล้วต้องแม่นแบบยิงเป่า ปรัชญาของผมคือระมัดรัดระวังการลงทุน (คอนเซอร์เวทีฟ) มาก"

ขณะที่แนวทางการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคตภายใต้ “มาสเตอร์แพลน 3-5 ปีข้างหน้า” จะเลือกบริหารความเสี่ยงโดยใช้การพัฒนาในรูปแบบ 4.0 หรือการพัฒนาอสังหาฯแบบผสมผสาน(มิกซ์ยูส)มีทั้งออฟฟิศ ห้างค้าปลีก โรงแรม เป็นต้น

ต่างจากในอดีตการพัฒนาอสังหาฯของกลุ่มภิรัชบุรี จะเริ่มจากให้เช่าที่ดินเปล่าเป็นรายปี ทำสัญญาเช่า30ปี ถือเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยุค 1.0

ทว่าเมื่อราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้น จึงเริ่มพิจารณาให้เช่าที่ดินพร้อมไปกับการพัฒนาโครงการที่จะสร้างอยู่บนที่ดินแปลงนั้นๆเพราะหวังว่าหลังสิ้นสุดสัญญาแล้ว“สิ่งปลูกสร้าง”จะตกทอดมาสร้างมูลค่าเพิ่มต่อไป ถือเป็นยุค 2.0 ของการพัฒนาอสังหาฯของบริษัท

ขณะที่ยุค 3.0 เป็นการมุ่งตอบสนองความต้องการของตลาดและลูกค้า เช่น พัฒนาอาคารสำนักงาน เป็นต้น

เขายังยกตัวอย่างการพัฒนาอสังหาฯยุคใหม่ของกลุ่มฯ อาทิ การผนึกพันธมิตรธุรกิจอย่างกลุ่มเดอะมอลล์ นำที่ดินมาสร้างมูลค่า และตอบสนองตลาดได้ครบครัน ผุดศูนย์การค้าดิเอ็มควอเทียร์ด้านหน้า และอาคารสำนักงานภิรัช ทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์ ด้านหลัง

"การจับมือกับเดอะมอลล์ กรุ๊ป เพราะเคมีตรงกันคนคิดเหมือนๆกัน จะเห็นเหมือนกัน พอมาเจอกันเข้าก็เลยปิ๊งกัน คุยกันรู้เรื่อง” ประสาน เล่าและว่า

การมีพันธมิตรธุรกิจ ยังทำให้การพัฒนาอสังหาฯเหนื่อยน้อยลง 

“พูดง่ายๆ ธุรกิจอสังหาฯยุค4.0 คือการตอบสนองความต้องการได้หลากหลาย โดยนำ2อย่างที่เกื้อกันาผสมผสาน หรือเรียกว่า ซีนเนอร์ยี อย่างการพัฒนาสำนักงานผสมห้างค้าปลีก ซึ่งไปด้วยกันได้”

เช่นเดียวกับการพัฒนาโครงการศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เฟส 2 ที่ได้ลงทุนสร้างอาคารอาคารสำนักงานเพิ่ม เพื่อตอบโจทย์ย่านการค้าแห่งใหม่บริเวณแยกบางนา และอนาคตยังมีพื้นที่เหลืออีก40-50ไร่ เพื่อพัฒนาเฟสใหม่ รองรับย่านดังกล่าว เป็น “แลนด์มาร์คใหม่” ทั้งโครงการแบงค็อกมอลล์ ของกลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป โครงการบิ๊กซี บ็อกซ์ ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ปลุกเศรษฐกิจย่านบางนาให้คึกคัก เขาเชื่อเช่นนั้น 

“ประสาน” ยังเผยว่า การพัฒนาโครงการใหม่ๆหลังจากนี้ จะไม่เน้น “โครงการขนาดใหญ่” มูลค่าหลักพันหรือหมื่นล้านบาท แต่จะอยู่ระดับหลัก“ร้อยล้านบาท” ตามสไตล์การลงทุนระมัดระวัง

เบื้องต้นจะพัฒนาโครงการภิรัช ทาวเวอร์ แอท สาทร และโครงมิกซ์ยูส ซัมเมอร์ ลาซาล (Summer Lasalle) มีทั้งออฟฟิศขนาด1,800-2,000ตารางเมตร คอมมูนิตี้มอลล์ และโรงแรมบนเนื้อที่60 ไร่ ซอยสุขุมวิท105(ลาซาล)เชื่อมซอสุขุมวิท 107 หลังพบว่าย่านดังกล่าวตลาดมีความต้องการอาคาร สำนักงานให้เช่าสูงและหากโครงการแล้วเสร็จ ผนวกกับไบเทคบางนา และส่งผลให้บริษัทสามารถครอบคลุมการพัฒนาอสังหาฯครบวงจร ย่านบางนาได้มากขึ้น

นอกจากนี้ การพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต ยังมองหาที่ดินเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า4 ไร่เพิ่มเติม เน้นทำเลใจกลางกรุง โดยการหาพื้นที่อาจดูจากบ้านหรูที่ติดจำนอง เป็นต้น จากปัจจุบันบริษัทยังมีที่ดินแปลงเล็กๆอีกจำนวนหนึ่งในเส้นสุขุมวิท ส่วนพื้นที่ในต่างจังหวัด เช่น ที่จังหวัดนครราชสีมา ก็ได้นำมาพัฒนาเป็นพื้นที่เกษตรกรรม เพราะมองว่าเป็นเซ็คเตอร์ที่มีอนาคต

ส่วนแนวโน้มธุรกิจอสังหาฯ ใน3-5ปีข้างหน้า เขาเห็นว่า ยังเป็นธุรกิจที่มั่นคงที่สุด แต่ยอมรับว่าการลงทุนสูง และมีความเสี่ยงหากระดมทุน ลงทุนไร้ทิศทางอาจประสบความล้มเหลว ขณะเดียวกันต้องมองเห็นเทรนด์ที่กำลังจะมาในอนาคต เพื่อกระโดดเข้าไปในตลาดให้ได้ก่อนคู่แข่ง

ทั้งนี้แนวทางการพัฒนาธุรกิจดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ไม่ก้าวกระโดดเหมือนปัจจุบันที่จะมีรายได้จากโครงการไบเทคบางนาเฟสใหม่ โครงการภิรัช ทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์ 

  “โครงการมูลค่าหมื่นล้านไม่ทำแล้ว อนาคตเราคงไม่โตก้าวกระโดดแบบนี้ แต่มุ่งสร้างความมั่นคง เรื่องรายได้ใครก็พูดได้ แต่รายจ่ายน่าสนใจกว่า การวัดความสำเร็จของธุรกิจวัดที่สุขภาพตนเองดีไหม พนักงานมีความสุขหรือไม่ ดังนั้นในอนาคตอยากจึงต้องการเห็นภิรัชบุรี ทำอะไรเรียบง่าย ไม่โดดเด่น ดำเนินธุรกิจถูกต้องเป็นธรรม ระมัดระวัง แค่นี้พอ ไม่จำเป็นต้องเบอร์หนึ่ง ไม่เคยมอง”