สินเชื่อรีเวอร์สมอร์ทเกจเริ่มปี60 ออมสินวงเงินไม่เกิน5พันล.

สินเชื่อรีเวอร์สมอร์ทเกจเริ่มปี60  ออมสินวงเงินไม่เกิน5พันล.

“ออมสิน” เตรียมเปิดตัวสินเชื่อรีเวอร์ส มอร์ทเกจต้นปีหน้า ตั้งวงเงินไว้ไม่เกิน 5 พันล้าน คิดดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์กำหนดคุณสมบัติผู้กู้มีอายุ60ปี

ขึ้นไป แต่ไม่เกิน 85 ปี เพราะเป็นอายุขัยเฉลี่ยของคนไทย 

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมเปิดตัวสินเชื่อรีเวิร์ส มอร์ทเกจ (Reverse Mortgage) ช่วงต้นปีหน้า กำหนดวงเงินไว้ไม่เกิน 5 พันล้านบาท โดยสินเชื่อจะกำหนดอายุผู้กู้ขั้นต่ำต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และไม่เกิน 85 ปี เพราะจากการศึกษา พบอายุ 85 ปีเป็นอายุขัยโดยเฉลี่ยของคนไทย

สำหรับวงเงิน สูงสุดที่จะได้รับจากการทำ Reverse Mortgage ได้รับสูงสุดไม่เกิน 70% ของมูลค่าหลักประกัน คือบ้านที่ผู้ขอสินเชื่ออยู่อาศัย ขณะที่ดอกเบี้ยคิดจากผู้กู้ใช้เอ็มแอลอาร์ (MLR) แต่สูตรการคำนวณ อาจมีหลายสูตร เป็นลักษณะการค่อยๆ เพิ่มดอกเบี้ย จนถึงปีสุดท้าย หรืออาจค่อยๆ ลดดอกเบี้ยจนถึงปีสุดท้าย เป็นต้น

ทั้งนี้กรณีที่ผู้ขอสินเชื่อ เสียชีวิต หรือเสียชีวิตก่อนอายุ 85 ปี ธนาคารสามารถนำบ้านหลังนั้นไปขายทอดตลอด กรณีขายได้เกินกว่าวงเงินสินเชื่อที่ธนาคารจ่ายออกไป ส่วนเกินจะมอบให้แก่ทายาท หากทายาทของเจ้าของบ้านต้องการขอซื้อบ้านหลังนั้น กลับคืนสามารถทำได้ แต่กรณีจบโครงการแล้วผู้กู้ยังไม่เสียชีวิต สามารถขอทบทวนหลักประกัน เพื่อขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมได้ เนื่องจากมีแนวโน้มหลักประกันอาจสูงขึ้นตามช่วงเวลาที่ผ่านไป

การให้สินเชื่อ 70% ของราคาหลักประกัน ธนาคารไม่ได้กำหนดวงเงินสูงสุดที่จะได้รับ เพราะคนที่มีบ้านหลังใหญ่ราคาสูง เช่น เป็น 10 ล้านบาทขึ้นไป ไม่น่าจะมีปัญหาทางการเงินช่วงหลังเกษียณ ขณะที่คนที่มีบ้านหลังเล็กลงมา เช่น ไม่เกิน 5 ล้านบาท จะมีปัญหาทางการเงินหลังเกษียณมากกว่า แต่ธนาคารไม่จำกัด กรณีที่คนที่มีบ้านราคาสูง ต้องการมาขอสินเชื่อในโครงการนี้

"ไม่เฉพาะคนสูงอายุที่อาจมีปัญหาทางการเงิน ช่วงเกษียณอายุเท่านั้น แม้แต่กรณีที่คนสูงอายุที่มีลูกคอยดูแลด้านภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ อยู่แล้วก็ตาม ก็สามารถให้พ่อหรือแม่ นำบ้านมาเข้าโครงการนี้ได้ เพราะธนาคารเข้าใจดีว่า ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่ลูกๆแต่ละคนของพ่อแม่ อาจมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัวของตัวเอง ซึ่งก็เป็นภาระค่อนข้างสูงอยู่แล้ว การนำบ้านมาเข้าโครงการนี้ช่วยลดภาระได้"

ขณะเดียวกันพ่อแม่ อาจรู้สึกว่า ต้องการช่วยเหลือตัวเอง ไม่ต้องการเป็นภาระแก่ลูกหลานแต่ทั้งในในอนาคต 20-25ปี เมื่อครบกำหนดของโครงการ ลูกหลานก็อาจมาขอซื้อบ้านคืนจากธนาคารก็ได้ เพราะธนาคารไม่มีเจตนาที่จะครอบครอง หรือขายทอดตลาด สำหรับความเสี่ยงของธนาคารมีเรื่องเดียว คือ กรณีที่หลักประกัน ในอนาคต มีมูลค่าลดลง ต่ำกว่าตัวสินเชื่อที่ธนาคารจ่ายออกไป