กองทุนเก็งกำไร ‘บจ.เล็ก’

กองทุนเก็งกำไร ‘บจ.เล็ก’

ผู้บริหารบจ.เผยปัจจุบัน "กองทุน" ให้ความสนใจหุ้นเล็กเพิ่ม เหตุเชื่อมั่นอนาคตดี ระบุกองทุนส่วนบุคคล "เน้นเทรดดิ้ง"

นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) PJW เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาได้รับการติดต่อจากนักลงทุนสถาบัน เพื่อเข้ามาขอข้อมูลจากบริษัท แม้ปัจจุบันมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)จะอยู่ในระดับ 1 พันล้านบาทซึ่งหากเทียบกับในอดีต สถาบันจะไม่ค่อยให้ความสนใจ แต่ปัจจุบันก็ยังเห็นการเข้าซื้อหุ้นจากนักลงทุนสถาบันอยู่ต่อเนื่อง

“บริษัทได้รับการติดต่อจากสถาบัน เพื่อขอข้อมูลช่วงต้นปี ซึ่งหากดูรายชื่อของผู้ลงทุนนั้นพบว่ามีนักลงทุนสถาบันเข้ามาซื้อขายหุ้น ซึ่งส่วนที่เห็นจะเป็นลักษณะเทรดดิ้งจะเป็นกองทุนส่วนบุคคลที่เข้ามาทำการซื้อๆขายๆมากกว่า”

สำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทนั้น ยอมรับว่ามีสถาบันเข้ามาถือหุ้นอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งกลุ่มกองทุนดังกล่าวถือหุ้นมาแล้วเป็นเวลาหลายปี โดยมองว่ากลุ่มนักลงทุนสถาบันชื่นชอบระบบการทำงาน และมองเห็นการเติบโตในอนาคตที่มีทิศทางขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

แผนธุรกิจปี2560ตั้งเป้าหมายการเติบโตยอดขาย5-10 % โดยเป็นผลมาจากการบริโภคต่างๆ ที่ขยายตัวดีขึ้นตามทิศทางของจีดีพี และมองว่าทิศทางจะดีขึ้นในทุกไลน์การผลิต เช่นเดียวกับบรรจุภัณฑ์น้ำมันเครื่องที่มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ส่วนชิ้นส่วนยานยนต์นั้น คาดว่าจะต้องรอการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ช่วงกลางปี 2560 เป็นต้นไปถึงจะเห็นการฟื้นตัว ด้านการลงทุนนั้น หลังจากนี้บริษัทจะเน้นการลงทุนในประเทศจีนมากขึ้น เพราะเห็นโอกาสการขยายตัวสูงมีการเติบโตในระดับ 20 -30 % ต่อปี

การสำรวจข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)จากรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงสิ้นเดือนพ.ย. 2559 พบว่าสถาบันมีการเข้าซื้อสะสมหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาทมากขึ้นในรายงานระบุว่า บลจ.บัวหลวง มีรายการซื้อหุ้นขนาดกลางในรายการใหญ่จำนวน 4 ครั้ง ดังนี้

การซื้อขายหุ้น บริษัทบางกอกแร้นช์ จำกัด (มหาชน) BR ในปีนี้จำนวน 4 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดวันที่ 24 ส.ค.2559 ได้ขายหุ้นออกมาเล็กน้อยจำนวน 0.81 % ทำให้ถือครองหุ้นหลังจากการขายจำนวน 14.31 % ของทั้งหมด ในรอบปีที่ผ่านมา บลจ.บัวหลวงได้เข้าซื้อหุ้น บริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) RJH ในวันที่ 11 ต.ค.2559 จำนวน 10.45 % จากเดิมจำนวน 0.90 % ในราคาเฉลี่ย 23.50 บาทต่อหุ้น

ต่อมาได้เข้าซื้อหุ้น บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) MC ในวันที่ 10 พ.ย.2559 ราคา 14.97 บาทต่อหุ้น โดยเข้าถือหุ้นสัดส่วน 10.01 %จากเดิม 0.04 % และรายการที่3 ได้เข้าซื้อหุ้น บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) TPBI คิดเป็น 10.04 % จากเดิม 0.45 % ในราคา 15.90 บาท

ขณะที่รายการซื้อขายหุ้นที่น่าสนใจนั้น ยังมีหลายรายการ โดย บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) ได้เข้าซื้อหุ้น บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 23 พ.ย. 2559 จำนวน 5.05 % เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 0.17 % ในราคาเฉลี่ย 13.5287 บาทต่อหุ้น บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย เข้าซื้อหุ้น บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) BEAUTY ในวันที่ 16 พ.ย. 2559 จำนวน 5.68 % จากเดิมที่ถือครอง 1.74 % ในราคาเฉลี่ย 12.14 บาทต่อหุ้น

บลจ.กรุงศรี เข้าซื้อหุ้นใน 2 รายการ ได้แก่ บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน)BEAUTY ในวันที่ 12 ส.ค. 2559ที่ระดับ 5.15 % จากเดิมที่ถือครอง 0.26 % ในราคา 9.45 บาทต่อหุ้น และเข้าถือครอง บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) SCI เข้าซื้อวันที่ 28 เม.ย.2559จำนวน 5.80 % จากเดิม 2.14 % ในราคา 10.50 บาทต่อหุ้น