หุ้นพลังงานอาจยังปรับขึ้น

หุ้นพลังงานอาจยังปรับขึ้น

หุ้นพลังงานอาจยังปรับขึ้น แต่ตลาดรวมมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก

หุ้นไทยวานนี้ปรับเพิ่มขึ้นถึง 13 จุด จากการเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ก่อนแรงขายท้ายตลาด กดดันตลาดปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2 จุด ทั้งนี้เราประเมินแรงขายเกิดขึ้นจาก 1) การปรับพอร์ตขายทำกำไรหุ้นกลุ่มอื่นๆ เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กลุ่มพลังงาน จากมุมมองระยะกลางดีขึ้นหลังโอเปคปรับลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน เหลือ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน มีผล 1 ม.ค. ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 8 ปี 2) ตัวเลขเงินเฟ้อไทย พ.ย.59 เพิ่มขึ้น 0.60% บวกติดต่อกัน 8 เดือนและ สูงสุดรอบ 23 เดือน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยปรับขึ้นเพื่อสะท้อนความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น 3) ความเสี่ยงจากการทำประชามติของ อิตาลี ในวันอาทิตย์นี้

อิตาลีมีกำหนดทำประชามติปฏิรูปรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะลดอำนาจรัฐสภาลง รวมทั้งเพิ่มอำนาจและสร้างเสถียรภาพให้แก่รัฐบาลในการแก้ปัญหารวมถึงการผ่านร่างกฎหมายมากขึ้น ซึ่งนายักรัฐมนตรี มัตเตโอ เรนซีได้ประกาศเจตนาลาออก หากไม่สามารถผลักดันการปฏิรูปได้ ขณะที่ผลโพลล่าสุดชี้ว่าพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งมีนโยบายไม่สนับสนุนสหภาพยุโรป มีความนิยมนำก่อนการลงคะแนนวันอาทิตย์นี้ ส่งผลให้ตลาดเกิดเกิดความกังวลถึงความปั่นป่วนที่อาจตามมา คล้ายกรณีอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

เราประเมินหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวถึงซึมลง แม้หุ้นพลังงานอาจปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ แต่การปรับพอร์ตลดน้ำหนักและจัดสรรน้ำหนักใหม่หลังมุมมองระยะกลางพลังงานเปลี่ยนไป จะสร้างแรงกดดันต่อตลาด ขณะเดียวกันระมัดระวังหรือลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่ได้ผลลบจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน กลุ่มโรงกลั่น, สายการบิน ปิโตรเคมีที่มีต้นทุนจากแนฟทา เรายืนยันมุมมองตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงต้นธ.ค. ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกเพิ่มขึ้น รวมทั้งอาจได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลง ทั้งจากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญและช่วงไว้ทุกช์ของคนไทย

สำหรับปัจจัยติดตามที่สำคัญ: 4 ธ.ค. - ประชามติรัฐธรรมนูญอิตาลี / 13-14 ธ.ค. - ประชุมเฟด (ทราบผลเช้า 15 ธ.ค.) / 21 ธ.ค. - การปรับลด GDP โดยธปท.

คำแนะนำทางกลยุทธ์ : ลดน้ำหนักการลงทุนลงเหลือ 40% (จาก 60%) เพิ่มความระมัดระวังความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกเมื่อเข้าสู่ช่วง ธ.ค. อันเนื่องมาจากความเสี่ยงจากการปรับลดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจ การเก็งกำไรหุ้นพลังงานควรกำหนดจุดทำกำไรและขาดทุน ขณะที่ยังสามารถเลือกเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสิ้นปี ท่องเที่ยว รวมถึงที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวได้ // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ AOT, ERW / เก็งกำไร PSTC*, JMART*, TLUXE*

แนวรับ/แนวต้าน : 1500/1520-1530 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์

• มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ: กลุ่มค้าปลีกและผู้จำหน่ายสินค้าไอที รวมถึงกระเบื้อง TK, S11, JMART, SYNEX, DCC, DRT / ห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรด ได้แก่ ROBINS, BIGC, MAKRO, CPN, HMPRO / กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, ERW, CENTEL และ MINT

• กลุ่มอาหาร/เกษตร/ยาง/เรือ: GFPT*, CPF, TFG*, TU, CFRESH*, STA*, TRUBB*, TTA*, PSL*, RCL*

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก USD แข็งค่า: BH, ERW, IRPC, PTT, TU / ยูโรอ่อน: THAI, TPIPL

• หุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น (เงินเฟ้อ): BLA*, TIP*, EASTW*
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH/หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)



ประเด็นหุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ

• JMART* (14) : เราคาดหุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ (ช้อปช่วยชาติ) ที่คาดครม.จะมีมติในวันที่ 6 ธ.ค. ขณะเดียวกันธุรกิจเข้าสู่ช่วง high season ไตรมาส 4 เนื่องจากเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวที่ทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ธุรกิจเก็บหนี้ของ JMT ผ่านการปรับในเรื่องระบบการจัดการและบัญชี ซึ่งน่าจะส่งผลบวกต่อแนวโน้มกำไรในช่วง 2-3 ไตรมาสจากนี้ ขณะเดียวกันผลการดำเนินงานจาก SINGER (ถือหุ้น 25%) คาดจะปรับดีขึ้น