Corporate News (30 พ.ย.59)

Corporate News (30 พ.ย.59)

AOT ซื้อ, AMATA ซื้อ, BJC ซื้อ

AOT    ซื้อ    ราคาพื้นฐาน 450.00 บาท

AOT : บริษัทรายงานกำไรปกติงวดไตรมาส 4/59 ที่ 4,299 (+50% yoy) หนุนจากจากรายได้ค่าบริการและค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 53% และ 15% yoy ตามลำดับ ขณะที่การควบคุมค่าใช้จ่ายทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามเรามองว่าหากค่าเงินหยวนอ่อนตัวลงเร็วเกินไปอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนได้ คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐานที่ 450.00 บาท (รายละเอียดอยู่ในบทวิเคราะห์วันนี้)

AMATA    ซื้อ    ราคาพื้นฐาน 13.00 บาท

AMATA : บริษัทมีผลประกอบการที่อ่อนแอในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจากการที่มียอดขายและโอนที่ดินอยู่ในระดับที่ต่ำ อย่างไรก็ตามเราคาดว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงปี 59 และผลประกอบการทีอ่อนแอได้สะท้อนไปในราคาหุ้นแล้ว นอกจากนี้ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 60 และยังมีปัจจัยบวกระยะยาวจากการลงทุนในเวียดนามมาสนับสนุน เราจึงปรับคำแนะนำจาก ถือ เป็น ซื้อ ด้วยราคาพื้นฐานที่ 13.00 บาท (รายละเอียดอยู่ในบทวิเคราะห์วันนี้)


BJC    ซื้อ     Consensus 56.01 บาท

BJC : รองประธานเจ้าหน้าที่นักลงทุนสัมพันธ์ กลุ่มกลยุทธ์และนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท BJC เผยว่า แผนการดำเนินงานปี 2560 ยังอยู่ระหว่างการเตรียมแผน คาดแล้วเสร็จในเดือน ธ.ค.59 เบื้องต้นบริษัทวางงบลงทุนอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท แบ่ง 20% สำหรับลงทุนภายในบริษัท และอีก 80% สำหรับลงทุนใน BIGC นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะออกหุ้นกู้จำนวน 67,000 ลบ. แบ่งเป็นออกหุ้นกู้ดือน ธ.ค.59 จำนวน 20,000 ลบ. และจะออกหุ้นกู้อีกจำนวน 47,000 ลบ ภายในปี 2560 เพื่อใช้ในการชำระหนี้ธนาคาร ซึ่งหลังจากชำระหนี้ดังกล่าวจะสามารถลดภาระดอกเบี้ยเหลือเพียง 3% จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 3-4% ด้านผู้จัดการใหญ่ กลุ่มสินค้าและบริหารทางบรรจุภัณฑ์ BJC เผยว่า บริษัทเตรียมเปิดเตาหลอมแห่งใหม่ไตรมาส 4/60 โดยมีกำลังการผลิต 300 ตันต่อวัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในกลุ่มบริษัทให้มีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วในประเทศไทยทั้งสิ้น 2,700-2,800 ตันต่อวัน เพื่อรองรับยอดขายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนขยายโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วและกระป๋องร่วมกับพันธมิตรในประเทศเวียดนามและมาเลเซีย เพื่อรองรับความ้องการในต่างประเทศอีกด้วย (ข่าวหุ้น)

JSP : รองผู้จัดการอาวุโส และกรรมการผู้จัดการบริษัท JSP เผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/59 จะเติบโตต่อเนื่องเนื่องจากมียอดขายรอโอน (Backlog) ที่จะรับรู้รายได้ใน 4/59 จำนวน 2,000 ลบ. จาก Backlog ที่มีอยู่ทั้งหมด 5,600 ลบ. ซึ่งส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ถึงปี 2561 ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมโอนกรรมสิทธิ์โครงการไมอามี่ คอนโด บางปู จำนวน 2 อาคารมูลค่า 500 ลบ. ซึ่งหากโอนได้ภายใน 4/59 จะส่งผลให้รายได้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 4,000 ลบ. ในปี 2560 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้และยอดขายไว้ที่ระดับ 5,000 ลบ. โดยรายได้จะมาจากการทยอยรับรู้ Backlog ในมือ และการขายโครงการใหม่และโครงการเดิมที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ปี 2560 เบื้องต้นบริษัทจะเปิดโครงการใหม่จำนวน 5 โครงการ มูลค่า 4,000 ลบ. นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาการเปิดโครงการเพิ่มฝนปี 2560 จำนวน 3 โครงการ ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินทั้งหมด หากกะบวนการซื้อที่ดินเสร็จทันภายในปี 2560 บริษัทจะทำการพัฒนาที่ดินทันที (ข่าวหุ้น)