หุ้นรายตัวยังเป็นบวก แต่เพิ่มความระวังภาวะตลาดหลังต้น ธ.ค.

หุ้นรายตัวยังเป็นบวก แต่เพิ่มความระวังภาวะตลาดหลังต้น ธ.ค.

คาดเห็นการผลักดันหุ้นรายตัว ขณะที่ตลาดเคลื่อนไหว 1490-1500

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ :  หุ้นรายตัวยังเป็นบวก แต่เพิ่มความระวังภาวะตลาดหลังต้น ธ.ค.


เราคาดหุ้นไทยยังมีบรรยากาศของการเก็งกำไรรายตัวเชิงบวก ที่ผลักดันด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและปัจจัยในประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ตามเราประเมินโมเมนตัมของการเก็งกำไรจะชะลอตัวลงในช่วงธ.ค.อันเนื่องมาจากการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลง และความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจากการปรับพอร์ตระหว่างสินทรัพย์ต่างๆ (asset classes) ที่จะเกิดขึ้นอย่างจริงจังหลังการปรับขึ้นอกเบี้ยของเฟดที่คาดว่าจะเกิดในการประชุมรอบธ.ค.นี้

ราคาน้ำมันดิบลดลง 3.9% เราประเมินในกรณีโอเปคไม่บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต ราคาน้ำมันอาจลดลงบ้าง แต่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาด ทั้งประมาณการ GDP 3Q59 ที่ 3.2% (ดีกว่า 2.9% ในครั้งแรก) ราคาบ้าน ก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 5.5% สูงสุดนับจาก ก.ค.49 และความเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ย.ที่ 107.1 (สูงกว่าตลาดคาด 101.2) น่าจะช่วยจำกัดความเสี่ยงการลงอย่างรุยแรงของราคาน้ำมัน

ประชุมครม.อนุมัติมาตรการภาษีสนับสนุนการท่องเที่ยวเพิ่มอีก 15,000 บาท สำหรับการใช้จ่าย ธ.ค.59 รวมปีนี้ 30,000 บาท สำหรับมาตรการช้อปช่วยชาติ คาดเข้าสู่การพิจารณาในสัปดาห์ถัดไป ซึ่งจะยังคงเป็นปัจัจยบวกต่อหุ้นท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ

ปัจจัยอื่นๆ: MSCI rebalancing – ระวังความผันผวนและแรงทำกำไรของหุ้นที่ปรับขึ้นมากจากการถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี MSCI มีผล 30 พ.ย. ได้แก่ MSCI Thailand Index: (+) BJC, KCE / MSCI Thailand Small Cap: (+) COM7, MALEE, TKN, TFG (-) ASP, BJCHI, CBG, COL, CGD, DNA, ROJNA // 30 พ.ย. – โอเปค หารือเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ / 4 ธ.ค. - ประชามติรัฐธรรมนูญอิตาลี / 13-14 ธ.ค. - ประชุมเฟด (ทราบผลเช้า 15 ธ.ค.) 

แนวรับ/แนวต้าน : 1485-1490 /1500-1505 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

คำแนะนำทางกลยุทธ์ : คาดเห็นการผลักดันหุ้นรายตัว ขณะที่ตลาดเคลื่อนไหว 1490-1500 เก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสิ้นปี แต่เพิ่มความระมัดระวังความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกเมื่อเข้าสู่ช่วง ธ.ค.อันเนื่องมาจากความเสี่ยงจากการปรับลดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจ // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ AOT, ERW, DCC / เก็งกำไร PSTC*, TK*, JMART*

ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์

- มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ: กลุ่มค้าปลีกและผู้จำหน่ายสินค้าไอที รวมถึงกระเบื้อง TK, S11, JMART, SYNEX, DCC, DRT / ห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรด ได้แก่ ROBINS, BIGC, MAKRO, CPN, HMPRO / กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, ERW, CENTEL และ MINT

- กลุ่มอาหาร/เกษตร/ยาง/เรือ: GFPT*, CPF, TFG*, TU, CFRESH*, STA*, TRUBB*, TTA*, PSL*, RCL*

- หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก USD แข็งค่า: BH, ERW, IRPC, PTT, TU / ยูโรอ่อน: THAI, TPIPL

- หุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น (เงินเฟ้อ): BLA*, TIP*, EASTW*

- Opportunity day: 30 พ.ย. – A, GUNKUL, PTG, SGP, LALIN/1 ธ.ค. – BCPG, HTECH, SENA, AIT/ 2 ธ.ค. – PJW, THRE, JUBILE, EA, TM / 6 ธ.ค. – MEGA, SEAFCO, ORI, DEMCO, PYLON

หุ้นแนะนำ

AOT (450) : เป้าหมาย shot covering ทั้งนี้ราคาที่ปรับลดลง 13% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาน่าจะสะท้อนความเสี่ยงที่ชะลอตัวจากทัวร์ 0 เหรียญจีนหายไประดับหนึ่งแล้ว ขณะที่มาตราการลดค่าธรรมเนียมเพื่อดึงนักท่องเที่ยวน่าจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่การแตกพาร์เหลือ 1 บาท (จาก 10 บาท) สร้างจิตวิทยาเชิงบวกต่อการเก็งกำไร

ERW (5) : หุ้น top pick กลุ่มโรงแรม เป็นผู้เล่น pure hotel play ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2-3 ซึ่งเป็น low season เริ่มพลิกเป็นมีกำไร บ่งชี้ว่าผลการดำเนินงานอยู่ในการฟื้นตัว (turnaround) คาดผลกระทบจากทัวร์ศูนย์เหรียญจำกัด ขณะที่การลงทุนโรงแรมประหยัดและ budget hotel คาดจะเป็นปัจจัยเร่งการเติบโตในช่วง 1-2 ปีนี้

DCC (5) : ผ่าน low season ไตรมาส 3 โดยมีงบที่เติบโต YoY โดดเด่น และเข้าสู่ช่วง high season ของธุรกิจไตรมาส 4-1 ราคาพลังงานในระดับต่ำ off-set ราคาขายที่ลดลงได้ และการขยายกำลังการผลิตอีก 3 แสนตรม. ช่วยเพิ่มอุปทาน

PSTC* (1) : หุ้นพลังงานทดแทนที่มีความชำนาญพิเศษด้านไฟฟ้าชีวมวล ชีวภาพ กำลังการผลิตไฟฟ้าสิ้นปี 59 และ 60 คาดอยู่ที่ 30 และ 50MW ขณะที่มีอัพไซด์เพิ่มจากการประมูลไฟฟ้าชีวมวล 400MW ราว ก.พ.60

TK* (12) : ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้วจากการตั้งสำรอง ขณะที่ยอดการเช่าซื้อจักรยานยนต์เริ่มกลับเป็นบวก นอกจากนี้มีแผนเข้าสู่การปล่อยสินเชื่อที่กัมพูชาและอินโดนีเซียตามลำดับ

JMART* (14) : การปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มมีความคืบหน้า ธุรกิจเข้าสู่ high season ช่วงปลายปี และคาดได้อานิสงค์จากมาตรการช้อปช่วยชาติ (16-31 ธ.ค.) ที่น่าจะเข้า ครม. ในสัปดาห์หน้า

(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH/หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)



ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

+ ครม.ไฟเขียวมาตรการหักลดหย่อนภาษีหนุนท่องเที่ยว 1-31 ธ.ค.หวังกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี คลังชี้สูญรายได้ 150 ล้านบาทเงินลงระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท เผยประชาชนใช้สิทธิลดภาษีได้สูงสุด30,000บาทต่อคน นายกฯสั่งเข้มงวดสถานประกอบการที่พักจดทะเบียนธุรกิจถูกต้อง (กรุงเทพธุรกิจ)

+ นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้าว่า คาดว่าจะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3.4% แต่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจปีหน้าโตแบบก้าวกระโดดได้ 4.0-4.5% ซึ่งจะไม่ใช่มาตรการลดหย่อนภาษี แต่เป็นมาตรการที่เน้นรายจ่ายการลงทุนที่จะดำเนินการเบิกจ่ายได้จริงจำนวนมาก รวมถึงภาคเอกชนก็จะเริ่มกลับมาลงทุนจำนวนมาก เพราะไม่สามารถชะลอการลงทุนได้มากกว่านี้อีกแล้ว (โพสต์ทูเดย์)

+ รฟม.เปิดของข้อเสนอลงทุน-ผลตอบแทน ประมูลรถไฟฟ้าสีชมพู-เหลือง หลังกิจการร่วมค่าบีเอสอาร์ และ BEM ผ่านการพิจารณาด้านคุณสมบัตและเทคนิค มั่นใจ เม.ย. 60 เซ็นสัญญาจ้าง (ไทยโพสต์)

+ รมว.คลังเผย เตรียมเปิดให้คนจนลงทะเบียนคนจนก่อนเดือนเม.ย.ปีหน้า เล็งนำข้อมูลความต้องการประชาชนมาออกแบบสวัสดิการรัฐเพิ่ม อาทิ ค่าน้ำ-ไฟ รถเมล์ รถไฟฟรี ด้าน สศค.ยัน 3 ธนาคาร“ธ.ก.ส.-ออมสิน-กรุงไทย” พร้อมโอนเงินให้คนจนในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ (กรุงเทพธุรกิจ)

+ แบงก์กสิกรไทย กางแผนธุรกิจปี 60 ชูเทคโนโลยีดิจิตอลเสิร์ฟลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งเป้าสินเชื่อรวม 4-6% ล้อตามภาวะเศรษฐกิจคาดโต 3.3% กดหนี้เสียไม่เกิด 3.3-3.4% พร้อมเดินหน้าเจรจาขยายเครือข่ายสาขาต่างประเทศ (ฐานเศรษฐกิจ)

ปัจจัยต่างประเทศ

+ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวขึ้นในวันอังคาร ขณะที่การเปิดเผยแนวโน้มผลประกอบการที่สดใสจากบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มประกันสุขภาพ แม้ราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างหนักถ่วงหุ้นกลุ่มพลังงานและสกัดกั้นการปรับตัวขึ้นของตลาดก็ตาม ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 23.70 จุดหรือ 0.12% สู่ระดับ 19,121.60, ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 2.94 จุดหรือ 0.13% สู่ระดับ 2,204.66 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้น 11.11 จุดหรือ 0.21% สู่ระดับ 5,379.92 (รอยเตอร์)

+ ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลง 3.9 % ในวันอังคาร ในขณะที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องมาตรการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมัน โดยอิหร่านและอิรักยังคงขัดแย้งกับซาอุดิอาระเบียก่อนที่กลุ่มโอเปกจะจัดการประชุมในวันพุธ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ม.ค.ดิ่งลง 1.85 ดอลลาร์ หรือ 3.9 % มาปิดตลาดที่ 45.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (รอยเตอร์)

- ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นอังกฤษปิดร่วงลงในวันอังคาร โดยปรับตัวอ่อนแอกว่าตลาดหุ้นของประเทศอื่นๆในยุโรป ในขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ของอังกฤษได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของราคาน้ำมันและราคาโลหะ ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วงลง 27.47 จุด หรือ 0.4 % สู่ 6,772.00 (รอยเตอร์)

- ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลดลงตามตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ปรับตัวลงเมื่อวันก่อน ขณะที่การแข็งค่าของเยนส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขาย และหุ้นกลุ่มประกันชะลอตัวหลังปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดลดลง 49.85 จุด หรือ 0.3% สู่ระดับ 18,307.04 ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง (รอยเตอร์)