หุ้นรายตัวยังเป็นบวกแต่โมเมนตัมของตลาดจะชะลอตัวลงหลังต้นธ.ค.

หุ้นรายตัวยังเป็นบวกแต่โมเมนตัมของตลาดจะชะลอตัวลงหลังต้นธ.ค.

คาดเห็นการผลักดันหุ้นรายตัว

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ :  หุ้นรายตัวยังเป็นบวก แต่โมเมนตัมของตลาดจะชะลอตัวลงหลังต้น ธ.ค.

เราคาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ และอยู่ในบรรยากาศของการเลือกตัวเก็งกำไรที่ผลักดันด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและปัจจัยในประเทศเป็นหลัก แม้เรายังคงมุมมองบรรยากาศการลงทุนเชิงบวกในระยะสั้น ที่เป็นผลจาก post-election rally ทำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้น (โดยเฉพาะหุ้นสหรัฐฯ ทำให้เกิดจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นโลก) อย่างไรก็ตามเราประเมินโมเมนตัมของการเก็งกำไรจะชะลอตัวลงในช่วงธ.ค.อันเนื่องมาจากการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลง และความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งจากการปรับพอร์ตระหว่างสินทรัพย์ต่างๆ (asset classes) ที่จะเกิดขึ้นอย่างจริงจังหลังการปรับขึ้นอกเบี้ยของเฟดที่คาดว่าจะเกิดในการประชุมรอบธ.ค.นี้

ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมยังแข็งแกร่ง แม้ส่งออก ต.ค.59 พลิกกลับมาติดลบ 4.2% (มูลค่า 17,783 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) กลับมาติดลบในรอบ 2 เดือน จาก ส.ค. ที่โต 6.54% และก.ย.โต 3.43% สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่อง แต่การนำเข้าที่ เพิ่มขึ้น 6.5% และดุลการค้าที่ยังเกินดุล 248 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ภาพรวมคาดไม่กระทบกับจิตวิทยาการลงทุน ในขณะที่การบริโภคโดยรวมดีขึ้น ยอดจดทะเบียนใหม่รถจักรยานยนต์ ขยายตัว 3.1% YoY ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 บวกต่อกลุ่มเช่าซื้อจักรยานยนต์ TK, S11, GL //วันนี้ติดตามประชุมครม.เรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ซึ่งเราประเมินส่งผลบวกต่อหุ้น กลุ่มค้าปลีกและผู้จำหน่ายสินค้าไอที รวมถึงกระเบื้อง TK, S11, JMART, SYNEX, DCC, DRT / ห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรด ได้แก่ ROBINS, BIGC, MAKRO, CPN / กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, ERW, CENTEL และ MINT

ปัจจัยอื่นๆ : MSCI rebalancing – ระวังความผันผวนและแรงทำกำไรของหุ้นที่ปรับขึ้นมากจากการถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี MSCI มีผล 30 พ.ย. ได้แก่ MSCI Thailand Index: (+) BJC, KCE / MSCI Thailand Small Cap: (+) COM7, MALEE, TKN, TFG (-) ASP, BJCHI, CBG, COL, CGD, DNA, ROJNA // TNR - เข้าซื้อขายเป็นวันแรก ได้รับการตอบรับที่ดี แต่ระวังความเสี่ยงการเก็งกำไรจาก valuation ที่แพง // ข้อมูลบริษัทจาก Opportunity day: 30 พ.ย. – A, GUNKUL, PTG, SGP, LALIN/1 ธ.ค. – BCPG, HTECH, SENA, AIT/ 2 ธ.ค. – PJW, THRE, JUBILE, EA, TM / 6 ธ.ค. – MEGA, SEAFCO, ORI, DEMCO, PYLON // 30 พ.ย. – โอเปค หารืออีกครั้งเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ / 4 ธ.ค. - ประชามติรัฐธรรมนูญอิตาลี / 13-14 ธ.ค. - ประชุมเฟด (ทราบผลเช้า 15 ธ.ค.)

แนวรับ/แนวต้าน : 1485 /1500-1505 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

คำแนะนำทางกลยุทธ์ : คาดเห็นการผลักดันหุ้นรายตัว ขณะที่ตลาดเคลื่อนไหว 1490-1505 เก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสิ้นปี แต่เพิ่มความระมัดระวังความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกเมื่อเข้าสู่ช่วง ธ.ค.อันเนื่องมาจากความเสี่ยงจากการปรับลดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจ // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ AOT, ERW, SCB / เก็งกำไร PSTC*, TK*, SYNEX*

ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์

- กลุ่มอาหาร/เกษตร/ยาง/เรือ: GFPT*, CPF, TFG*, TU, CFRESH*, STA*, TRUBB*, TTA*, PSL*, RCL*

- หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก USD แข็งค่า: BH, ERW, IRPC, PTT, TU / ยูโรอ่อน: THAI, TPIPL

- หุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น (เงินเฟ้อ): BLA*, TIP*, EASTW*

- หุ้นที่ได้รับแรงหนุนจากฤดูกาลปลายปี: TU, ROBINS, BCP, AP, BDMS, BH, BCH, DCC, DRT

หุ้นแนะนำ

AOT (464) : คาดเป็นเป้าหมาย shot covering ทั้งนี้ราคาที่ปรับลดลง 13% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาน่าจะสะท้อนความเสี่ยงที่ชะลอตัวจากทัวร์ 0 เหรียญจีนหายไประดับหนึ่งแล้ว ขณะที่มาตราการลดค่าธรรมเนียมเพื่อดึงนักท่องเที่ยวน่าจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ERW (5) : หุ้น top pick กลุ่มโรงแรม เป็นผู้เล่น pure hotel play ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2-3 ซึ่งเป็น low season เริ่มพลิกเป็นมีกำไร บ่งชี้ว่าผลการดำเนินงานอยู่ในการฟื้นตัว (turnaround) คาดผลกระทบจากทัวร์ศูนย์เหรียญจำกัด ขณะที่การลงทุนโรงแรมประหยัดและ budget hotel คาดจะเป็นปัจจัยเร่งการเติบโตในช่วง 1-2 ปีนี้

SCB (190) : ธนาคารใหญ่ที่ผ่านวงจรสูงสุดของหนี้เสียแล้ว ขณะที่มี upside จากการปรับโครงสร้างหนี้ที่มีปัญหา ปี 2560 คาดการณ์ dividend yield ที่ 4.4% และกำไรเติบโต 15.6% ซึ่งสูงสุดในกลุ่มธนาคารใหญ่

PSTC* (1) : หุ้นพลังงานทดแทนที่มีความชำนาญพิเศษด้านไฟฟ้าชีวมวล ชีวภาพ กำลังการผลิตไฟฟ้าสิ้นปี 59 และ 60 คาดอยู่ที่ 30 และ 50MW ขณะที่มีอัพไซด์เพิ่มจากการประมูลไฟฟ้าชีวมวล 400MW ราว ก.พ.60

TK* (12) : ผ่านจุดที่แย่ที่สุดไปแล้วจากการตั้งสำรอง ขณะที่ยอดการเช่าซื้อจักรยานยนต์เริ่มกลับเป็นบวก นอกจากนี้มีแผนเข้าสู่การปล่อยสินเชื่อที่กัมพูชาและอินโดนีเซียตามลำดับ
SYNEX (5.50) : ผลการดำเนินงานแข็งแกร่งจากโครงการภาครัฐ ขณะที่มีโอกาสได้ผลบวกมาตรการสิ้นปี

(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH/หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)



ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

- ส่งออก ต.ค.พลิกติดลบ 4.2% เหตุน้ำมัน-ทองคำวูบ พาณิชย์หวังทั้งปีไม่ติดลบ เร่งปั๊ม 2 เดือนสุดท้าย "วิรไท" คาดจีดีพีปีนี้โต 3.2% รอดูตัวเลขปลายปีอีกนิด ก่อนปรับประมาณการใหม่ย้ำ! เตือนมาตลอดเรื่องค่าเงินผันผวน หลังทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ชี้เงินไหลออกเพราะนโยบายเศรษฐกิจเข้มข้นของทรัมป์ (ไทยโพสต์)

+ ส.อ.ท. ยื่นสมุดปกขาวชงรัฐดันนโยบาย 'อุตสาหกรรม 4.0' เกิดขึ้นจริงใน 5 ปี ชี้ภาคผลิตไทยยังอยู่แค่ 1.0-2.0 'สุวิทย์' รับนโยบาย 'สมคิด' ถกเอกชนตั้งประชารัฐอุตสาหกรรม 4.0 ภายในสิ้นปีนี้ (มติชน)

+ ธปท. จับมือแบงก์การันตี ได้ใช้พร้อมเพย์ต้นปีหน้า ขอทดสอบระบบให้มั่นใจ ซึ่งธนาคารพาณิชย์และผู้เชี่ยวชาญกำลังทำการทดลองระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีเสถียรภาพก่อนเปิดให้บริการจริงๆ (โพสต์ทูเดย์)

+ ธุรกิจ "หนุนมาตรการ "ช้อปช่วยชาติ" เข้า ครม.วันนี้ คาดช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย เพิ่มขึ้น 10-20% ใกล้เคียงปีก่อน ผสมโรงร่วมพันธมิตรลดราคาสินค้า "เทสโก้ โลตัส" ผนึก 14 ยักษ์ซัพพลายเออร์ ลดราคาสินค้า 20% ด้านปลัดคลังชี้สัญญาณเศรษฐกิจไตรมาส 4 แผ่วจึงต้องเสนอ ครม.อนุมัติมาตรการ ช้อปช่วยชาติกระตุ้นใช้จ่าย (กรุงเทพธุรกิจ)

+ นายกฯ ถก “กรอ.กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน” เร่งคมนาคมพัฒนารถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย พร้อมเร่งเส้นทาง R3A เชื่อมโยงท่องเที่ยว “ไทย-ลาว-จีน” หวังเพิ่มรายได้ในพื้นที่ 20% ด้าน “สมคิด” เผยนายกฯเรียกประชุมผู้ว่าฯ-เอกชน 30 พ.ย. เดินหน้า “ประชารัฐสร้างไทย” บูรณาการงบกลุ่มจังหวัด ส่วนคมนาคมเปิดทางเอกชนลงทุน ท่าเรือ-คอมเพล็กซ์-โรงแรม-ชอปปิงมอลล์ ปากแม่น้ำปราณบุรีรองรับการท่องเที่ยว ด้านการเดินเรือเฟอร์รี่ “พัทยา-หัวหิน” จะเริ่มทดสอบสัปดาห์นี้ (กรุงเทพธุรกิจ)

ปัจจัยต่างประเทศ

- ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลงในวันจันทร์มากที่สุดในรอบเกือบ 1 เดือน โดยหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยถ่วงตลาดลง เนื่องจากนักลงทุนบางรายเทขายหุ้นเพื่อทำกำไรหลังตลาดพุ่งทำสถิติสูงสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 54.24 จุดหรือ 0.28% สู่ 19,097.90, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 11.63 จุดหรือ 0.53% สู่ 2,201.72 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวลง 30.11 จุดหรือ 0.56% สู่ 5,368.81 (รอยเตอร์)

- ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้นกว่า 2 % ในวันจันทร์ หลังจากแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน โดยราคาน้ำมันดิ่งลง 2 % ในช่วงแรก ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงต่อมา ในขณะที่นักลงทุนจับตาดูว่า ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะสามารถตกลงกันเรื่องมาตรการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันในการประชุมวันพุธนี้ได้หรือไม่ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ม.ค.พุ่งขึ้น 1.02 ดอลลาร์ หรือ 2.21 % มาปิดตลาดที่ 47.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (รอยเตอร์)

- ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นอังกฤษปิดร่วงลงในวันจันทร์ โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นกลุ่มพลังงาน ในขณะที่แรงหนุนที่ตลาดเคยได้รับในช่วงก่อนหน้านี้จากชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจางหายไป อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเหมืองทองและหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้น ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วงลง 41.28 จุด หรือ 0.6 % สู่ 6,799.47 โดยดัชนียังคงพุ่งขึ้นมาแล้วราว 8 % จากช่วงต้นปีนี้ ถึงแม้ดัชนีดิ่งลงมาแล้วราว 5 % จากจุดสูงสุดของเดือน ต.ค. (รอยเตอร์)

- ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบเล็กน้อยหลังดีดตัวขึ้นจากการร่วงลงในช่วงเช้า ขณะที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มปลอดภัย ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดลบ 24.33 จุดหรือ 0.13% สู่ระดับ 18,356.89 โดยแรงซื้อเก็งกำไรหนุนดัชนีขึ้นหลังจากร่วงลง 0.9% ในช่วงเช้า (รอยเตอร์)