ส่อง '9ป.ป.ช.' ใครขาดคุณสมบัติ หากมีกติกาใหม่?

ส่อง '9ป.ป.ช.' ใครขาดคุณสมบัติ หากมีกติกาใหม่?

เจาะประเด็นร้อน! ส่อง "9ป.ป.ช." ใครขาดคุณสมบัติ ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่?

หากมองตามร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะเห็นว่า คุณสมบัติของ "คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุริตแห่งชาติ " ( ป.ป.ช.) ได้มีการกำหนดไว้ในมาตรา 232 ว่า ผู้ที่ได้รับการสรรหาเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ต้องมีคุณสมบัติ อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

(1 ) รับราชการ หรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่า อธิบดีผู้พิพากษา มาแล้ว ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช.

( 2 ) รับราชการ หรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่ามาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช.

ส่วนคุณสมบัติต้องห้ามนั้น ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 216 ว่า ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้

(3 ) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา202

ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญใหม่ในมาตรา 202 ได้บัญญัติลักษณะต้องห้ามของกรรมการ ปปช. ไว้ ดังนี้
(1) เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระใด
...(4) เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการการเมือง ในระยะ 10 ปี ก่อนเข้ารับการคัดเลือกหรือสรรหา

และเมื่อนำเอาคุณสมบัติของ กรรมการ ป.ปช. และคุณสมบัติต้องห้ามตามร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มาส่องดู กรรมการ ป.ป.ช. แต่ละคน พบว่า มีหลายคนอาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติ และต้องพ้นจากตำแหน่ง เว้นแต่ว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับ ป.ป.ช. มีการยกเว้น ไม่ให้นำคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามร่างรัฐธรรมนูญใหม่มาใช้บังคับกับกรรมการ ป.ป.ช. ชุดปัจจุบัน ดังนี้

1. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. น่าจะเข้าข่ายต้องห้ามเป็นกรรมการ ป.ป.ช. เนื่องจาก เคยเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เมื่อปี 2557 จึงเข้าลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 202 (4 ) ที่บัญญัติว่า เคยเป็นข้าราชการการเมืองในระยะ 10 ปี ก่อนเข้ารับการคัดเลือกหรือสรรหาเป็นกรรมการ ป.ป.ช.

2. ปรีชา เลิศกมลมาศ เนื่องจากนายปรีชา ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อปี 2553 ขณะที่ก่อนหน้านั้นในปี 2552 นายปรีชา ได้เป็น เลขาธิการ ป.ป.ช. ซึ่งเทียบเท่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการ จะเห็นได้ว่านายปรีชา เป็นระดับอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการ ไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช. จึงขัดกับคุณสมบัติในการเป็นกรรมการ ป.ป.ช ตามมาตรา 232 (2 ) ที่ระบุว่า รับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่ามาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

3. พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง เป็นจเรตำรวจแห่งชาติ เมื่อปี 2553 ซึ่งเทียบเท่าอธิบดี และในปี 2555 ได้รับเลือกเป็น กรรมการ ป.ป.ช. จะเห็นได้ว่า พล.ต.อ.สถาพร เป็นระดับอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการ ไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช. จึงขัดกับคุณสมบัติในการเป็นกรรมการ ป.ป.ช ตามมาตรา 232 (2 ) ที่ระบุว่า รับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่ามาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

4. ณรงค์ รัฐอมฤต เป็น เลขาธิการ ป.ป.ช. ซึ่งเทียบเท่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการ เมื่อปี 2555 และได้เป็นกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อปี 2556 แต่เมื่อนายณรงค์ เป็นระดับอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการ ไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช. จึงขัดกับคุณสมบัติในการเป็นกรรมการ ป.ป.ช ตามมาตรา 232 (2 ) ที่ระบุว่ารับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่ามาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

5. สุภา ปิยะจิตติ เคยเป็นผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2552 ซึ่งเป็นตำแหน่งเทียบเท่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการ แต่เมื่อ น.ส. สุภา ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อ 9 เมษายน 2557 จึงต้องถือว่า น.ส.สุภา รับราชการในตำแหน่งอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการ เพียง 4 ปีเศษเท่านั้น จึงขัดกับคุณสมบัติในการเป็นกรรมการ ป.ป.ช ตามมาตรา 232 (2 ) ที่ระบุว่ารับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่ามาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช.

6. วิทยา อาคมพิทักษ์ เคยดำรงตำแหน่ง กรรมการตรวจเงินแผ่นดินในปี 2557 จึงเข้าลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. เพราะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ห้ามคนที่เคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ มาเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา 216 (3 )และมาตรา 202 (1 ) ของร่างรัฐธรรมนูญใหม่

7. สุวณา สุวรรณจูฑะ เคยเป็นอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ตั้งแต่ปี 2549 และได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อปี 2558 นางสุวณาจึงดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการ ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ตามที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนด นางสุวณา จึงดำรงตำแหน่ง กรรมการ ป.ป.ช. ต่อไปได้

8. สุรศักดิ์ คีรีวิเชียร เคยเป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ตั้งแต่ปี 2551 และได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อปี 2558 นายสุรศักดิ์ จึงดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีผู้พิพากษา มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแต่ได้รับการเสนอชื่อเป็น กรรมการ ป.ป.ช. จึงมีคุณสมบัติเข้าข่ายที่เป็นกรรมการ ป.ป.ช ต่อไปได้ ตามมาตรา 232 (1)

9. พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ เป็น ผอ.สำนักงบประมาณ กระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นตำแหน่งอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการ เมื่อ ปี 2554 แต่เมื่อ พล.อ.บุณยวัจน์ ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อปี 2558 จึงดำรงตำแหน่งระดับอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการไม่ถึง 5 ปี นับแต่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ปปช. จึงขัดกับคุณสมบัติในการเป็นกรรมการ ป.ป.ช ตามมาตรา 232 (2 ) ที่ระบุว่ารับราชการหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่ามาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการ ป.ป.ช.

ดังนั้น กลุ่มเสี่ยง คือ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ, ปรีชา เลิศกมลมาศ, พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง, ณรงค์ รัฐอมฤต, สุภา ปิยะจิตติ, วิทยา อาคมพิทักษ์ และพล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์

ส่วน กลุ่มไม่เสี่ยง คือ สุวณา สุวรรณจูฑะ และสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร

ทั้งหมด คือ ภาพรวมของ กรรมการ ปปช. ชุดปัจจุบัน ที่ได้รับผลกระทบจากกติกาตามร่างรัฐธรรมนูญใหม่