AH - ซื้อ

AH - ซื้อ

กำไรปรับตัวเพิ่มและราคาหุ้นยังถูก

ประเด็นการลงทุน

เราเข้าประชุมนักวิเคราะห์ของ AH เมื่อวานนี้โดยคณะผู้บริหารของบริษัทกล่าวว่ายอดขายปี 2560 คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับการเติบโตของกลุ่มอุตสหกรรมยานยนต์ เรามองว่า AH ยังสามารถรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายเดิมและลูกค้ารายใหม่ในปี 2560 อ้างอิงจากการเติบโตของยอดการผลิตยานยนต์โดยรวม 4-5% เป็น 2.0 ล้านคัน ทั้งนี้เรายังคงคำแนะนำที่ “ซื้อ” สำหรับ AH โดยมีเหตุผลดังต่อไปนี้ 1) คาดว่ามีอัพไซด์จากยอดขายปี 2560 ที่ 5 % จากคำสั่งซื้อของลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่มขึ้น (เช่น Ford, Mitsubishi, Toyota และ Honda), 2) อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2560 ที่เพิ่มขึ้นกว่าที่เราคาดไว้เพียง 6% ถ้าหากการเติบโตของผลิตรถยนต์สูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ และ 3) ราคาหุ้นค่อนข้างถูก ด้วยค่า PBV ณ สิ้นปี 2560 อยู่ที่ 0.7 เท่า และเงินปันผลที่ดีที่ 5.5%

ยอดขายปี 2560 สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง - มากกว่าการเติบโตของอุตสหกรรม

ผู้บริหารเปิดเผยถึงความคาดหวังถึงการเติบโตของยอดขายปี 2560 จะเติบโตสูงกว่าคาดการณ์การเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ 4-5 % และผู้บิรหารยังคาดว่ายอดการผลิตยานยนต์ของประเทศไทยจะคงทรงตัว YoY หรือ 1.9 ล้านคันในปี 2559 ก่อนที่จะเติบโตใกล้เคียง 2 ล้านคันภายในปีหน้า หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 4 –5% อย่างไรก็ตามเรายังคงคาดการณ์ยอดขาย AH ในปี 2560 เพิ่มขึ้นที่ 5% โดยเราคาดว่ามีแนวโน้มการปรับเพิ่มของประมาณการของเราในปีหน้าหากกิจการสามารถโตยอดขายมากกว่า 5% ผู้บริหารยังกล่าวอีกว่า AH พยายามที่จะกระจายสินค้าปัจจุบันที่ผลิตไปยังลูกค้ารายอื่นๆ อย่างเช่นการติดตั้งโครงสร้างฐานรถยนต์ (Chassis) ของบริษัทให้แก่ Toyota, Mitsubishi และ Nissan นอกเหนือจากคูกค้ารายหลักคือ Isuzu

อัพไซด์ของอัตรากำไรขั้นต้นหากยอดขายปีหน้ามากกว่าคาดการณ์

ผู้บริหารกล่าว เป้าอัตรากำไรขั้นต้นปี 2560 ของบริษัทคาดว่าจะดีกว่าปี 2559 จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้นจากลูกค้าเดิม (และลูกค้ารายใหม่) และประสิทธิภาพในการผลิตที่ดีขึ้น จากมุมมองเชิงอนุรักษ์นิยมเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 6% ในปี 2559 และ 2560 เทียบกับอัตรากำไรตั้งแต่เดือน ม.ค.- ก.ย. 2559 ที่ 6.3% ทั้งนี้ยังคงมีการเพิ่มการอัพไซด์แก่คาดการณ์กำไร หากAH สามารถทำอัตรากำไรได้ดีกว่าที่คาดการณ์ในปี 2560 ทั้งนี้งบลงทุนปี 2559และ 2560 ของ AH จัดตั้งไว้ที่ 400- 500 ล้านบาท โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนอยู่ที่ 0.9 เท่า ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2559 ทั้งนี้ผู้บริหารยังกล่าวอีกว่า AH ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆในปี 2560 ด้วยกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง

...คำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ยอดขายในปี 2560 แข็งแกร่ง

AH คาดว่าจะเพิ่มยอดขายผ่านปริมาณคำสั่งซื้อสินค้าประเภทอื่นๆจากลูกค้าเดิม ได้แก่ Nissan (รถปิ๊คอัพ รุ่น Navara ) Toyota (รถปิ๊คอัพ Hilux Revo ), Ford (Everest SUV และ New Ranger), Mazda (Mazda 2) และจาก Mitsubishi (new Pajero Sport SUV และ รถปิ๊คอัพ Mitsubishi Triton รุ่นใหม่). ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทคาดว่าจะมีคำสั่งซื้อชิ้นส่วนรถยนต์ใหม่จากโรงงานใหม่ของ Isuzu ในจังหวัดระยองนอกเหนือจากการผลิต Chassis ให้แก่ Isuzu เป็นหลัก เรา เชื่อว่าคำสั่งซื้อในชิ้นส่วนอื่นๆ ของ Isuzu และ ลูกค้ารายใหม่ ดังกล่าวที่จะส่งผลให้ผลประกอบการของ AH ในปี 2560 เติบโตเหนือกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อย่างไรก็ตามเรายังคงคาดว่ายอดขายปี 2560 จะตัวเพิ่มขึ้นเพียง 5%ตามภาวะการเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ปีหน้า