อาจแกว่งตัวในแดนลบบ้าง แต่บรรยากาศในการซื้อขายยังเป็นบวก

อาจแกว่งตัวในแดนลบบ้าง แต่บรรยากาศในการซื้อขายยังเป็นบวก

ก่อนการประชุมโอเปค 30 พ.ย. ราคาน้ำมันที่น่าจะมีความเสี่ยงทางลงจำกัด ช่วยจำกัดความเสี่ยงของตลาด

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ :   อาจแกว่งตัวในแดนลบบ้าง แต่บรรยากาศในการซื้อขายยังเป็นบวก

เราคาดหุ้นไทยวันนี้แม้อาจแกว่งตัวในแดนลบ แต่บรรรยากาศซื้อขายยังคงเป็นบวก โดยเราคาดหวังการยกกรอบการซื้อขายขึ้นมาสู่ 1485-1505 จุด แรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ และเงินทุนไหลออกเริ่มชะลอตัวลง ขณะที่ต่างชาติเริ่มกลับมามีสถานะซื้อล่วงหน้าสุทธิ (net long position) วานนี้ 1.3 หมื่นสัญญา บ่งชี้ว่าการปรับพอร์ตของนักลงทุนทั่วโลกเพื่อเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ หลังชัยชนะของว่าที่ประธานาธิบดี (ทรัมป์) น่าจะถึงจุดที่เหมาะสมแล้ว

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยืนยันมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเฟดรอบ ธ.ค. ล่าสุดยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ต.ค.เพิ่มขึ้น 4.8% (มากกว่าตลาดคาด 1.5%) และสูงสุดนับจาก ต.ค.58 ทั้งนี้ราคาทองคำที่ปรับลดลง สวนกับโภคภัณฑ์ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมอย่างทองแดงที่ปรับขึ้น ส่งสัญญาณว่าตลาดเชื่อมั่นในการฟื้นตัว

กลุ่มท่องเที่ยว เป็นกลุ่มที่น่าจะได้ประโยชนจากการสนับสนุนภาครัฐ เนื่องจากรัฐบาลไม่จำเป็นต้องใส่เม็ดเงินเข้าไปกระตุ้นเหมือนนโยบายอื่น ล่าสุด เตรียทศึกษาการให้วีซ่าระยะยาวกับนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ รวมถึงยกเว้นค่าธรรมเนียม ให้นักท่องเที่ยวจีน ไต้หวัน อินเดีย ที่จะเดินทางเข้ามาในช่วงตรุษจีน 28 ม.ค.60 เราชอบ ERW AOT CENTEL // ค้าปลีก มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ เป็นบวกต่อหุ้นบริโภคในประเทศ โดยเราชอบ ROBINS DCC DRT JMART SYNEX // การแพทย์ อนุมัติในหลักการ ขยายระยะเวลาพำนักสำหรับกลุ่มพำนักระยะยาว (Long Stay Visa) สำหรับต่างชาติ ที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป เป็นบวกต่อ BDMS BH BCH // อาหารและเกษตร เม็กซิโกยกเลิกการห้ามนำเข้ากุ้งไทย เป็นบวกต่อจิตวิทยาหุ้นอย่าง CPF TU CFRESH

ปัจจัยติดตามอื่นๆ : ข้อมูลบริษัทจาก Opportunity day: 24 พ.ย. – BIZ, AH, TSR, BAFS, TK, PCSGH / 28 พ.ย. – BANPU, LHK, NDR, TMILL, TTA, K / 30 พ.ย. – โอเปค หารืออีกครั้งเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ / 4 ธ.ค. - ประชามติรัฐธรรมนูญอิตาลี / 13-14 ธ.ค. - ประชุมเฟด (ทราบผลเช้า 15 ธ.ค.)
แนวรับ/แนวต้าน : 1485 /1500-1505 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

คำแนะนำทางกลยุทธ์ : ก่อนการประชุมโอเปค 30 พ.ย. ราคาน้ำมันที่น่าจะมีความเสี่ยงทางลงจำกัด ช่วยจำกัดความเสี่ยงของตลาด คาดเห็นการผลักดันหุ้นรายตัว ขณะที่ตลาดยกกรอบขึ้น 1485-1505 กลยุทธ์วันนี้ขอเลือกหุ้นท่องเที่ยว ปิโตรเคมี และพลังงาน รวมถึงเก็งกำไรในหุ้นที่มีประเด็นบวก (soft commodity) ยังขอเลี่ยงหุ้นกลุ่มบันเทิงเนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดประมาณการ // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ AOT, PTTGC, PTT/ เก็งกำไร CFRESH*, DTAC*, STA*

ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์

- กลุ่มอาหาร/เกษตร/ยาง/เรือ: GFPT*, CPF, TFG*, TU, STA*, TRUBB*, TTA*, PSL*, RCL*

- หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก USD แข็งค่า: BH, ERW, IRPC, PTT, TU / ยูโรอ่อน: THAI, TPIPL

- หุ้นที่มีธุรกิจ หรือฐานการผลิตในสหรัฐฯ: IVL, EPG, TU

- หุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น (เงินเฟ้อ): BLA*, TIP*, EASTW*

- หุ้นที่ได้รับแรงหนุนจากฤดูกาลปลายปี: TU, ROBINS, BCP, AP, BDMS, BH, BCH, DCC, DRT

หุ้นแนะนำ

AOT (464) : คาดเป็นเป้าหมาย shot covering ทั้งนี้ราคาที่ปรับลดลง 13% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาน่าจะสะท้อนความเสี่ยงที่ชะลอตัวจากทัวร์ 0 เหรียญจีนหายไประดับหนึ่งแล้ว ขณะที่มาตราการลดค่าธรรมเนียมเพื่อดึงนักท่องเที่ยวน่าจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาต

PTTGC (70) : ผลประกอบการรายไตรมาสยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่องจากจุดต่ำสุดไตรมาส 2/59 ขณะที่ earnings momentum ระยะกลางโดดเด่น โดยคาดกำไรปี 2560 เติบโตถึง 29.5%

PTT (405) : คาดได้รับผลประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการที่โอเปกบรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมัน ประกอบกับภาพรวมธุรกิจก๊าซที่คาดว่าจะดีขึ้นในช่วง 2H59 นอกจากนี้เราคาดว่า PTT จะได้ประโยชน์จาก พ.ร.บ. กองทุนน้ำมันใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงสิ้นปี 59 นี้

CFRESH (10.70) : กำไรไตรมาส 3/59 ที่เพียง 12 ล้านบาท น่าจะแย่ที่สุดไปแล้วจากผลของอัตราแลกเปลี่ยนยูโรและปอนด์ที่อ่อนค่าเทียบเงินบาท ขณะที่ผลผลิตกุ้งของไทยโดยรวมคาดจะฟื้นตัวขึ้น 20% ในปีนี้

DTAC* (38) : ราคาหุ้นปรับลดลงมากเกินไป ซื้อขายที่เพียง 36% ของ market cap TRUE ในขณะที่มีมูลค่าของลูกค้าหนึ่งราย (EV/Subscriber) ที่ 4,481 บาท ต่ำกว่า TRUE ที่ 13,313 บาท ทั้งที่ยังคงมีลูกค้า 25.7 ล้านราย (TRUE ที่ 22.6 ล้านราย)

STA* (17) : ราคายางเริ่มกลับเป็นขาขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 16.54 บาท
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH/หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)



ตลาดหุ้นสหรัฐปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

+ ส.อ.ท.ปลื้ม ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม ปรับสูงสุดรอบ 7 เดือน แตะระดับ 86.5 หลังยอดคำสั่งซื้อช่วงปลายปีเพิ่มขึ้นทั้งใน และ ตปท. รองรับเทศกาลปีใหม่ เผยยอดขายรถยนต์วูบ รับมาตรการขึ้นภาษีสรรพสามิต ด้านออมสินชี้ Q3 ฐานรากเชื่อมั่นฟื้น ลุ้นรัฐเร่งใช้จ่ายลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมวอนรัฐ คุมราคาสินค้า หาอาชีพเสริม จัดสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย (ไทยโพสต์)

+ “สมคิด” งัดสูตรขับเคลื่อนเศรษฐกิจ X-Y-Z สร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากต่อเนื่องถึงปีงบประมาณ 61 ครม.อนุมัติดึงงบโครงการต่ำกว่า 1,000 ล้าน เบิกจ่ายไม่ทันจัดสรรใหม่ รวมกับงบกลุ่มจังหวัด สั่งคลังหางบเพิ่มอัดฉีดช่วง ม.ค.-ก.ย.60 นายกฯ แจงผู้ว่าทั่วประเทศเร็วๆ นี้ ขีดเส้นวางยุทธศาสตร์จัดทำงบใน 2 เดือน หวังสร้างสมดุลเศรษฐกิจระยะยาว (กรุงเทพธุรกิจ)

+ ธอส.โชว์ผลงาน 9 เดือน ปล่อยกู้ 1.1 แสนล้าน ส่วนเอสเอ็มอีแบงก์ 10 เดือน กำไรสุทธิ 1,560 ล้าน ปล่อยกู้เอสเอ็มอี 9,204 ราย (โพสต์ทูเดย์)

+ สมาคมธนาคารไทยแย้มปีหน้าดอกเบี้ยเงินฝากจะขยับแค่ดอกเบี้ยโปรโมชั่นเพื่อระดมเงินฝากเป็นช่วงๆ เตือนดอกเบี้ยพันธบัตรขึ้นแน่ (โพสต์ทูเดย์)

+ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงฯ มีแนวคิดที่จะนำรูปแบบการให้วีซ่ากับนักท่องเที่ยวชาวจีนของสหรัฐที่หากผ่านการพิจารณาและตรวจตราอย่างเข้มงวดแล้ว นักท่องเที่ยวจีนจะสามารถเดินทางไปสหรัฐได้เป็นเวลา 10 ปี มาใช้กับการให้วีซ่านักท่องเที่ยวชาวจีน เพื่อดึงดูดให้เดินทางมาเที่ยวไทยมากยิ่งขึ้น แต่ต้องศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงของประเทศซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งทำให้ต้องใช้เวลาพิจารณาค่อนข้างนาน อย่างไรก็ตามในระยะสั้นเตรียมหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการทำวีซ่าเข้าประเทศไทยให้กับนักท่องเที่ยวจีน ไต้หวัน อินเดีย ที่จะเดินทางเข้ามาไทยในช่วงเทศกาลตรุษจีน วันที่ 28 ม.ค. 60 ซึ่งถือว่าเป็นยาแรงที่มาช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาไทยมากขึ้นอีก รวมทั้งนอกจากนี้ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีหน้า ททท.จะควบรวมเทศกาลเที่ยวเมืองไทยที่เดิมจะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือน ม.ค. มาจัดในช่วงเทศกาลตรุษจีนแทน ภายใต้รูปแบบงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ตรุษจีนอินเดอะพาร์ค (เดลินิวส์)

ปัจจัยต่างประเทศ

+ ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ขยับลงเล็กน้อยในวันพุธ ในขณะที่นักลงทุนตั้งข้อสงสัยว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะตกลงกันปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันในระดับที่มากพอที่จะช่วยบรรเทาภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดโลกลงได้อย่างจริงจังหรือไม่ ในขณะที่จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับสูงขึ้น ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนม.ค.ขยับลง 7 เซนต์ หรือ 0.2 % มาปิดตลาดที่ 47.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (รอยเตอร์)

- ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นอังกฤษปิดแทบไม่ขยับในวันพุธ หลังจากแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน โดยหุ้นแต่ละตัวปรับตัวในทิศทางที่แตกต่างกันไป หลังจากนายฟิลิป แฮมมอนด์ รมว.คลังอังกฤษออกแถลงการณ์ประจำฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งถือเป็นรายงานความคืบหน้าทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่อังกฤษโหวตถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือ Brexit ในเดือน มิ.ย. ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดขยับลง 2.01 จุด หรือ 0.03 % สู่ 6,817.71 (รอยเตอร์)