คืบหน้า!ซากวาฬท่าเรือแหลมฉบัง ขอทีมสัตวแพทย์ทช.ร่วมชันสูตร

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2559 ทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) โดย ศูนย์วิจัย ทช.อ่าวไทยฝั่งตะวันออก (ระยอง) รับแจ้งพบซากวาฬลอยอยู่ในท่าเรือแหลมฉบัง ผลตรวจสอบเป็นวาฬกลุ่มมีซี่กรอง ความยาวประมาณ 10 เมตร น้ำหนักประมาณ 20 ตัน ยังไม่ทราบเพศ ซากเน่าตายมาแล้วประมาณ 1 สัปดาห์

จึงประสานความร่วมมือกับท่าเรือแหลมฉบัง เทศบาลแหลมฉบัง หน่วยกู้ภัยทางน้ำเพียวเยี้ยงไท้ศรีราชา บริษัทเครนศิลาพล ในการกู้ซาก และนำไปผ่าชันสูตร ที่คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลบางพระ โดยทีมสัตวแพทย์ศวทอ. อาจารย์ นักศึกษาสัตวแพทย์อาสาจากเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาลัยเขตบางพระ กำลังทำการผ่าพิสูจน์ซากวาฬ เก็บเนื้อเยื่อ dna ไขมัน และรอยโรค รวมทั้งดูอวัยวะภายในตั้งแต่เวลา 8.00 น.ที่ผ่านมา

ล่าสุด จากการพิจารณาซากภายนอก โดยสัตวแพทย์ประจำศวทอ. เบื้องต้นพบว่า เป็นวาฬบรูด้า ความยาวประมาณ 11-12เมตร. หนักประมาณ30ตัน สภาพซากวาฬค่อนข้างสมบูรณ์ กระดูกยังอยู่ครบ ครีบหลังและครีบหางสมบูรณ์ บริเวณส่วนหลัง มีรอยหักและครีบข้างด้านขวามีรอยหัก

พบรอยแดงๆที่ด้านซ้ายลำตัว ซึ่งแยกเป็น 2 สาเหตุ คือ รอยแดงจากการช้ำ มีเลือดคลั่งทีาด้านซ้ายของลำตัว และรอยสีส้มๆที่เป็นสีเดียวกับเรือ การช้ำนี้อาจเกิดขึ้นจากหลังวาฬตายหรือก่อนตายก็เป็นไปได้ต้องรอการผ่าชันสูตร

นอกจากนี้ยังพบรอยผิดปกติ 2 แบบ คือ รอยกัดเนื้อวาฬแหว่งไปซึ่งเกิดจากสัตว์น้ำลึก และพบรอยโรคเป็นวงกลมๆ ปูดขึ้นมาทั่วตัวซึ่งอาจ เกิดจากไวรัส เชื้อรา แบคทีเรียซึ่งต้องรอผลการตรวจสอบต่อไป


สำหรับการส่งต่อข้อความกันในโลกออนไลน์ถึงสาเหตุการตายของวาฬซากนี้ว่า เกิดจากเรือสินค้าชนแล้วลากเข้ามาตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ก็ได้มีเสียงเตือนถึงการคัดกรองข้อมูลข่าวสาร เพื่อความชัดเจน และถูกต้อง โดยมีการแนะนำให้รอผลอย่างเป็นทางการจากกรมทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและชายฝั่ง

ด้าน ดร.ธรณ์ ธำรงค์นาวาสวัสดิ์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวในกรณีดังกล่าว โดยเน้นเรื่องกระบวนการตรวจสอบที่ชัดเจน เพื่อจะได้ทราบสาเหตุที่แท้จริง การจัดระบบการสัญจรทางน้ำในพื้นที่อ่าวไทยใหม่ การวางมาตรการป้องกันที่ชัดเจนให้กับวาฬในพื้นที่อ่าวไทย โดยการตั้งคณะทำงานเฉพาะขึ้นมา รวมทั้งความสำคัญในการขึ้นบัญชีวาฬบรูด้าเป็นสัตว์สงวนด้วย