บรรยากาศในการซื้อขายเป็นบวก หลังเงินทุนไหลออกเริ่มชะลอ

บรรยากาศในการซื้อขายเป็นบวก หลังเงินทุนไหลออกเริ่มชะลอ

คาดเห็นการผลักดันหุ้นรายตัว ขณะที่ตลาดยังไม่ไปไหน เคลื่อนไหวในกรอบ 1465-1485

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ :  บรรยากาศในการซื้อขายเป็นบวก หลังเงินทุนไหลออกเริ่มชะลอ

เราคาดการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวเชิงบวก แรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐฯ และเงินทุนไหลออกเริ่มชะลอตัวลง ทั้งนี้เรามองการไหลออกของเงินเพื่อปรับสถานะการลงทุนให้สอดคล้องกับนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เป็นการชนะแบบตลาดไม่ได้คาดคิด จะเกิดขึ้นเร็วและแรงในช่วงสั้นก่อนที่ชะลอลง นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพมากขึ้นรวมทั้งราคาน้ำมันที่น่าจะมีความเสี่ยงทางลงจำกัดก่อนการประชุมโอเปค 30 พ.ย.น่าจะสนับสนุนการฟื้นตัวของตลาด รวมทั้งส่งผลบวกต่อจิตวิทยาการซื้อขายและการผลักดันหุ้นเป็นรายตัว

ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยรายละเอียดแผนการหลังรับตำแหน่งเพิ่มขึ้น ซึ่งโดยรวมไม่แตกต่างจากที่หาเสียงมากนัก ทั้งนี้การยืนยันที่จะยกเลิกข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจแปซิฟิก (TPP) แต่สนับสนุนการค้าเสรีอื่นรวมทั้งการเจรจาการค้าแบบทวิภาคี แสดงว่าทรัมป์ไม่ใช่เผด็จการที่ไม่ฟังเสียงใครแต่เป็นพ่อค้าและนักต่อรอง ซึ่งเรามองจะทำให้ความกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายลดลง

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่สำคัญได้แก่ 1) มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพและ กระตุ้นการจับจ่ายของประชานชนช่วงสิ้นปี 2) การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-10 บาท ใน 69 จังหวัด 3) การปรับลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา เหลือ 1,000 บาท (จาก 2,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ธ.ค.59-ก.พ.60) และ 4) อนุมัติในหลักการ ขยายระยะเวลาพำนักสำหรับกลุ่มพำนักระยะยาว (Long Stay Visa) สำหรับต่างชาติ ที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป //มาตรการข้างต้นคาดจะส่งผลบวกต่อกลุ่มต่อไปนี้// ค้าปลีก - เป็นบวกต่อหุ้นบริโภคในประเทศ โดยเราชอบ ROBINS DCC DRT JMART SYNEX // ท่องเที่ยว – มาตรการเป็นบวก และเข้าสู่ high season เราชอบ ERW AOT // การแพทย์ – มาตราการเป็นบวกต่อ BDMS BH BCH

ปัจจัยติดตามอื่นๆ: ข้อมูลบริษัทจาก Opportunity day: 23 พ.ย. – TU, KOOL, CPN, CHO, KIAT, BA / 24 พ.ย. – BIZ, AH, TSR, BAFS, TK, PCSGH / 28 พ.ย. – BANPU, LHK, NDR, TMILL, TTA, K / 30 พ.ย. – โอเปค หารืออีกครั้งเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ / 4 ธ.ค. - ประชามติรัฐธรรมนูญอิตาลี / 13-14 ธ.ค. - ประชุมเฟด (ทราบผลเช้า 15 ธ.ค.)

แนวรับ/แนวต้าน : 1475 /1490-1500 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

คำแนะนำทางกลยุทธ์ : คาดเห็นการผลักดันหุ้นรายตัว ขณะที่ตลาดยังไม่ไปไหน เคลื่อนไหวในกรอบ 1465-1485 กลยุทธ์วันนี้ขอเลือกหุ้นรายตัวที่มีประเด็นเฉพาะ และมีฐานการผลิตหรือเติบโตอิงสหรัฐฯ ยังขอเลี่ยงหุ้นกลุ่มบันเทิงเนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดประมาณการ // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ AOT, PTTGC, PTT/ เก็งกำไร DTAC*, STA*

ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์

- กลุ่มอาหาร/เกษตร/ยาง/เรือ: GFPT*, CPF, TFG*, TU, STA*, TRUBB*, TTA*, PSL*, RCL*

- หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก USD แข็งค่า: BH, ERW, IRPC, PTT, TU / ยูโรอ่อน: THAI, TPIPL

- หุ้นที่มีธุรกิจ หรือฐานการผลิตในสหรัฐฯ: IVL, EPG, TU

- หุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น (เงินเฟ้อ): BLA*, TIP*, EASTW*

- หุ้นที่ได้รับแรงหนุนจากฤดูกาลปลายปี: TU, ROBINS, BCP, AP, BDMS, BH, BCH, DCC, DRT

หุ้นแนะนำ

AOT (464) : คาดเป็นเป้าหมาย shot covering ทั้งนี้ราคาที่ปรับลดลง 13% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาน่าจะสะท้อนความเสี่ยงที่ชะลอตัวจากทัวร์ 0 เหรียญจีนหายไประดับหนึ่งแล้ว ขณะที่มาตราการลดค่าธรรมเนียมเพื่อดึงนักท่องเที่ยวน่าจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาต

PTTGC (70) : ผลประกอบการรายไตรมาสยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่องจากจุดต่ำสุดไตรมาส 2/59 ขณะที่ earnings momentum ระยะกลางโดดเด่น โดยคาดกำไรปี 2560 เติบโตถึง 29.5%

PTT (405) : คาดได้รับผลประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการที่โอเปกบรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมัน ประกอบกับภาพรวมธุรกิจก๊าซที่คาดว่าจะดีขึ้นในช่วง 2H59 นอกจากนี้เราคาดว่า PTT จะได้ประโยชน์จาก พ.ร.บ. กองทุนน้ำมันใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงสิ้นปี 59 นี้

DTAC* (38) : ราคาหุ้นปรับลดลงมากเกินไป ซื้อขายที่เพียง 36% ของ market cap TRUE ในขณะที่มีมูลค่าของลูกค้าหนึ่งราย (EV/Subscriber) ที่ 4,481 บาท ต่ำกว่า TRUE ที่ 13,313 บาท ทั้งที่ยังคงมีลูกค้า 25.7 ล้านราย (TRUE ที่ 22.6 ล้านราย) / ตัดขาดทุนที่ 34.00 บาท

STA* (17) : ราคายางเริ่มกลับเป็นขาขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 16.54 บาท
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH/หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)

ตลาดหุ้นสหรัฐปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

+ ครม.อนุมัติ 1.27 หมื่นล้าน ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยนอกภาคเกษตร 2 กลุ่ม 5.4 ล้านคน ช่วยเหลือ 1,500-3,000 บาทต่อราย ดีเดย์ 1 ธ.ค.โอนเงินเข้าบัญชี “กอบศักดิ์” ระบุเป็นวงเงินไม่สูงหากเทียบกัยช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ “สมคิด” เผยเตรียมออกมาตรการเพิ่มช่วยผู้สูงอายุ คลังสั่งสศค.หามาตรการกระตุ้นการลงทุน หวังเศรษฐกิจไทยเติบโตแบบ “บิ๊กแบง” (กรุงเทพธุรกิจ)

+ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา (วีซ่า) ณ สถานทูตหรือสถานกงสุลไทยและปรับลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VOA) เป็นการชั่วคราว เพื่อดันยอดนักท่องเที่ยว เพิ่มรายได้ภาครัฐ (โพสต์ทูเดย์)

+ รฟม. มั่้นใจเจรจาเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนขยายกับ BEM เชื่อม 1 สถานี 1 เดือน หรือก่อนสิ้นปี 59 ได้ข้อยุติ คมนาคมถกรถไฟไทย-จีนก่อนประชุมร่วม 2 ธ.ค.นี้ (ไทยโพสต์)

+ ศูนย์วิจัยฯ ไทยพาณิชย์มองท่องเที่ยวไทยยังโตต่อเนื่องปีหน้าลุ้นยอดเพิ่มขึ้น 10% ทั้งจำนวนและรายได้ แนะรัฐหนุนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรองรับนักเที่ยวสูงอายุ ครม.อนุมัติเว้นค่าวีซ่าดึงนักท่องเที่ยว 19 ประเทศ ทางด้านแบงก์กสิกรไทย เตรียมเปิดตัวแอพพลิเคชั่นเพิ่มความสะดวก ช่วยผู้บกพร่องทางสายตาทำธุรกรรมการเงินบนสมาร์ทโฟน คาดเริ่มเปิดให้บริการได้ไตรมาสแรกปีหน้ามั่นใจปีนี้สินเชื่อโตตามเป้า 6-7% รับเอ็นพีแอลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (คมชัดลึก)

ปัจจัยต่างประเทศ

+ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวขึ้นต่อหลังการเลือกตั้งโดยดัชนีดาวโจนส์บวกขึ้นเหนือระดับ 19,000 ได้เป็นครั้งแรก และดัชนีหุ้นทั้งสามตัวปิดที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่สองติดต่อกัน ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 67.18 จุดหรือ 0.35% สู่ 19,023.87, ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 4.76 จุดหรือ 0.22% สู่ 2,202.94 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้น 17.49 จุดหรือ 0.33% สู่ 5,386.35 (รอยเตอร์)

+ ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ร่วงลงในวันอังคาร หลังจากแกว่งตัวผันผวนมากในระหว่างวัน โดยได้รับผลกระทบจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่เข้าร่วมการประชุมทางเทคนิคที่กรุงเวียนนา ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 21 เซนต์ หรือ 0.44 % มาปิดตลาดที่ 48.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (รอยเตอร์)

+ ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นอังกฤษปิดบวกขึ้นในวันอังคาร โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ และการที่ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นสู่สถิติสูงสุดใหม่ ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดบวกขึ้น 41.76 จุด หรือ 0.62 % สู่ 6,819.72 (รอยเตอร์)

+ ดัชนีนิกเกอิที่ตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดเพิ่มขึ้นท่ามกลางภาวะซื้อขายผันผวน โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน แต่ตลาดถูกสกัดช่วงบวก เนื่องจากนักลงทุนเลือกที่จะไม่ถือสถานะการลงทุนจำนวนมากก่อนวันหยุดของตลาดญี่ปุ่นในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดบวก 56.92 จุด หรือ 0.31% ที่ 18,162.94 ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค. (รอยเตอร์)