คำสารภาพ! จากลูกทรพี หลังตร.จับกุม เหตุเผาบ้านหวังฆ่าพ่อ

คำสารภาพ! จากลูกทรพี หลังตร.จับกุม เหตุเผาบ้านหวังฆ่าพ่อ

อเนจอนาถใจ! คำสารภาพจาก "ลูกทรพี" ชาวท่าตะเกียบ หลังตร.จับกุมตัวได้แล้ว เหตุเผาบ้านหวังฆ่าพ่อ ชี้โทษหนักคุก20ปี

รวบแล้ว ลูกทรพีจุดไฟเผาบ้านคิดฆ่าพ่อ หลังไร้ที่ซุกหัวนอนสำนึกผิด ขณะที่เพื่อนและญาติไม่มีใครยินยอมให้อยู่ร่วมชายคาด้วย สารภาพความผิดที่ได้ทำไปเพราะความมึนเมาสุรา หลังจากน้อยใจปัญหาในครอบครัว โดยไม่คิดว่าจะลุกลามบานปลายจนต้องถึงขั้นติดคุก ติดตาราง

เมื่อเวลา 13.30 น. ร.ต.อ.ซึ่งเฉลี่ย ไตรบุตร รองสารวัตรสอบสวน สภ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ได้นำตัวนายสรศักดิ์ คำพระ อายุ 32 ปี คนร้ายวางเพลิงเผาบ้านของนายสมพงษ์ คำพระ อายุ 55 ปี บิดาของตัวเอง ที่ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา จนบ้านถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายหมดทั้งสองหลัง เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.50 น.วันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น

ร.ต.อ.ซึ่งเฉลี่ย กล่าวว่า เมื่อเวลา 14.20 น.วานนี้ (21 พ.ย.) ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.ท่าตะเกียบ ได้ควบคุมตัวนายสรศักดิ์ คำพระ เอาไว้ได้จากที่บริเวณบ้านจุดเกิดเหตุไฟไหม้ หลังจากที่นายสรศักดิ์ ได้วนเวียนย้อนกลับมาที่บ้านพัก ก่อนนำตัวไปตรวจร่างกายเพื่อหาสารเสพติดที่ รพ.ท่าตะเกียบ และพบว่าปัสสาวะเป็นสีม่วง จากการเสพเมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า จึงได้ควบคุมตัวมาดำเนินคดีในข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 เข้าสู่ร่างกายโดยฝ่าฝืนกฎหมาย”

ด้านนายสรศักดิ์ ได้ให้การรับสารภาพว่า ในวันเกิดเหตุตนรู้สึกคิดถึงลูกสาววัย 9 ขวบ เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันกับลูกมาเป็นเวลานาน เนื่องจากเดิมนั้นเคยมีภรรยาและมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน แต่ภรรยาได้หนีไปเมื่อ 3 ปีก่อน เพราะทนตนตบตีทำร้ายไม่ได้ เนื่องจากเมื่อตนดื่มสุราจนเมามักจะอาละวาดทุกตีภรรยา แม้แต่มารดาเองก็ยังต้องพาหลานสาว และน้องสาวตนหนีไปอยู่ยังที่อื่นจนไม่สามารถติดต่อกันได้

และยอมรับว่า ในวันเกิดเหตุตั้งใจว่าจะปรึกษากับนายสมพงษ์ บิดา แต่ได้นั่งรอเป็นเวลานานแล้วก็ไม่พบบิดา เนื่องจากบิดาไม่กล้ากลับเข้าบ้านเพราะกลัวตนจะทำร้าย ตนจึงได้ไปซื้อเหล้าขาวมาดื่มอยู่ที่บ้านตามลำพัง และเมื่อเดินไปพูดคุยกับใคร ซึ่งเป็นญาติพี่น้องที่อยู่ใกล้เคียงก็ไม่มีใครคุยด้วย เพราะรู้ว่าตนชอบเมาอาละวาด จึงยิ่งทำให้ตนเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจมากยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนจะตัดสินใจเผาบ้าน

“ตอนแรกผมตั้งใจจะจุดไฟเผาบ้าน เพราะต้องการจะประชดพ่อและบรรดาญาติๆ ที่ไม่ยอมมาคุยด้วยเท่านั้น ด้วยการนำเอากระสอบปุ๋ยมาวางเอาไว้บนขั้นบันไดไม้ภายในบ้าน 2 ชั้น ก่อนจะใช้ไฟแช็คจุดไฟขึ้น จากนั้นจึงวิ่งไปบอกกับญาติว่า ได้จุดไฟเผาบ้านแล้ว เพื่อจะให้บรรดาญาติๆ พากันมาช่วยกันดับไฟ ก่อนจะคว้าเอารถจักรยานยนต์ของญาติขี่ออกไป โดยที่ไม่หันมาดูว่าบ้านนั้นกำลังถูกเพลิงไหม้หมดทั้งหลัง จนกระทั่งช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ย. ได้ย้อนกลับมาที่บ้านอีกครั้ง ก็พบว่าบ้านถูกเผาหมดแล้วทั้งสองหลัง และไม่มีที่อยู่อาศัยอีกแล้ว จึงได้ไปขออาศัยยังที่บ้านเพื่อน แต่ก็ยังรู้สึกกลุ้มใจ ที่ไม่มีบ้านจะอยู่อาศัยต่อไปอีกแล้ว จึงได้ไปขอยาบ้ามาจากเพื่อน เพื่อนำมาเสพให้หายเครียดและกลุ้มใจ จนมาถูกตำรวจจับ เพราะย้อนกลับเข้ามาที่บ้านพัก เนื่องจากเพื่อนๆ หลายคนไม่มีใครยอมให้อยู่อาศัยด้วยเป็นเวลานาน” นายสรศักดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “วางเพลิงเผาทรัพย์ โรงเรือนที่คนอยู่อาศัย โดยผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่า ได้เป็นผู้ลงมือจุดไฟเผาบ้านจริง จึงได้ทำการสอบสวนดำเนินคดีเพิ่มเติมจากคดีเสพยาเสพติดอีกหนึ่งคดี ส่วนคดีลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ของญาติไปนั้น ทางฝ่ายผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ และผู้ต้องหาได้นำเอารถจักรยานยนต์กลับมาคืนเอง จึงไม่เข้าข้อกฎหมายลักทรัพย์ เนื่องจากขาดเจตนาทุจริต จึงไม่ได้ถูกดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์อีกหนึ่งข้อหา

ร.ต.อ.ซึ่งเฉลี่ย กล่าวต่อว่า สำหรับอัตราโทษในข้อหาวางเพลิงนั้น จะมีอัตราโทษหนักเบาไปตามพฤติการณ์ในการกระทำ โดยหากวางเพลิงเผาทรัพย์แล้วทำให้มีคนเสียชีวิต ก็จะมีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต หากวางเพลิงแล้วมีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต อัตราโทษก็จะลดหลั่นกันลงมา ส่วนกรณีนี้วางเพลิงเผาทรัพย์โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ก็จะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี ขณะที่โทษในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) นั้น มีโทษจำคุก 6 เดือนถึง 3 ปี และปรับ 1-6 หมื่นบาท

ด้าน นายสรศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้รู้สึกสำนึกในกระทำของตนแล้ว หลังจากที่ไม่มีบ้านจะอยู่อาศัยหลับนอน และที่กระทำการลงไปนั้นเป็นเพราะว่าเมาสุรา ส่วนสาเหตุที่ชอบทำร้ายผู้เป็นบิดาในเวลาเมาเหล้านั้น เนื่องจากน้อยใจ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปควบคุมไว้ภายในห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาภายใน สภ.ท่าตะเกียบ เพื่อเตรียมนำตัวส่งมาขออำนาจศาล จ.ฉะเชิงเทรา ฝากขังในวันพรุ่งนี้