MORNING CALL ACTION NOTES (21 พ.ย.59)

MORNING CALL ACTION NOTES (21 พ.ย.59)

Selective Buy

ตลาดหุ้นไทยวันก่อนแกว่งตัวในกรอบแคบเนื่องจากแรงกดดัน FED ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 13 – 14 ธ.ค. อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่ได้เข้า MSCI รอบใหม่ ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,473.86 จุด (+0.01 จุด) Vol. 4.9 หมื่นลบ.โดย Foreign Net –738 ลบ. TFEX Net -2,638 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- FED ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 13 – 14 ธ.ค. เนื่องจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อและการจ้างงานแข็งแกร่ง

+/- ตลาดหุ้น DJ อ่อนตัวลงเล็กน้อยจากแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ รวมถึงความกังวลเงินดอลลาร์แข็งค่าอาจกระทบต่อกำไรของบริษัทที่พึ่งพาการส่งออก

+/- ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นล่าสุด 46.7 US/Barrel หลังคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกจะได้ข้อสรุปลดกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุม 30 พ.ย.

+/- ประธาน ECB เผยการยุติมาตรการ QE จะขึ้นอยู่กับว่าอัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นอย่างยั่งยืนหรือไม่

- Foreign เป็น Net Sell เดือนพ.ย. 2.5 หมื่นลบ. และตั้งแต่เดือนต.ค. เป็น Net Sell 4.3 หมื่นลบ.

+ เกาหลีใต้ไฟเขียวนำเข้าไก่สดแช่แข็งไทยครั้งแรกในรอบ 12 ปี

+/- MSCI ประกาศรายชื่อหุ้นเข้า-ออกมีผลบังคับใช้ 30 พ.ย. ได้แก่ MSCI Thailand เพิ่ม BJC, KCE ออก ไม่มี / MSCI Global Small Cap เพิ่ม COM7, MALEE, TKN, TFG ออก ASP, BJCHI, CBG, COL, CGD, DNA, KCE, ROJNA

ภาวะตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยกระตุ้นการลงทุน อีกทั้งแรงกดดันจาก Fund flow ที่ไหลออกต่อเนื่องหลัง FED ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 13-14 ธ.ค. อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรหุ้นรายตัว เช่น หุ้นที่เข้า MSCI รอบใหม่ หรือหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET 50 + 100 รอบใหม่ช่วยพยุงดัชนี ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัว 1,465 – 1,485 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy หุ้นที่มีปัจจัยบวก

- IVL ราคาฝ้ายทำ High ในรอบ 2 เดือน ล่าสุด 73.2 USD/Tons 

- STA TRUBB ราคายางพาราทำ High ในรอบ 1 ปีล่าสุด 209 Yen/Kg

- TTA PSL ค่าระวางเรือทำ High ในรอบ 1 ปีล่าสุด 1,231 จุด

- GFPT CPF TFG รับข่าวเกาหลีใต้นำเข้าไก่สดแช่แข็งไทยรอบ 12 ปี

- กลุ่มวางระบบ ICT (INET ILINK ALT AIT SAMTEL) ลุ้น ครม.สัปดาห์นี้เดินหน้าโครงการเน็ตหมู่บ้าน วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท

- กลุ่มส่งออก ได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าล่าสุด 35.5 Bath/USD.


หุ้นแนะนำพิเศษ

SPRC    ราคาปิด 12.70 บาท   ได้อานิสงส์ Spread น้ำมันเบนซิน +39% QoQ

- ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันขนาด 165 พันบาร์เรลต่อวัน เน้นไปที่น้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยานในสัดส่วน 40-43% ซึ่งถือเป็นอันดับ 4 ในกลุ่มโรงกลั่นในประเทศไทย (SPRC BCP IRPC PTTGC TOP) ผลิตภัณฑ์รองลงมาเป็นน้ำมันเบนซินคิดเป็นสัดส่วน 25% ของน้ำมันสำเร็จรูปที่สามารถกลั่นได้ซึ่งถือเป็นอันดับ 1 ในบรรดาโรงกลั่น

- ได้ประโยชน์มากที่สุดในอุตฯจากค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นราว 1-2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจาก Q3/59 ที่ระดับ 4-5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามส่วนต่างน้ำมันดีเซล(+19%QoQ) ส่วนต่างน้ำมันอากาศยาน(+13%QoQ) และส่วนต่างน้ำมันเบนซิน(+38%QoQ) เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาว

- คาดเข้าคำนวณใน SET100 รอบใหม่ที่จะประกาศกลางเดือนธ.ค.

หุ้นมีข่าว

- ประเด็นบวก PTT (ราคาปิด 344 แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 371)

- บริษัทปรับโครงสร้างภายใน โดยโอนย้ายบริษัทที่เกี่ยวกับการจำหน่ายน้ำมันและท่อขนส่งน้ำมันไปยังบริษัท PTTOR (PTT Oil and Retail) ก่อนที่จะนำบริษัท PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 60

- PTTOR ดำเนินธุรกิจหลัก 4 ธุรกิจ 1)สถานีจำหน่ายน้ำมันในประเทศไทยจำนวน 1,475 สถานี 2)ธุรกิจค้าปลีกกาแฟและร้านสะดวกซื้อโดยมีสาขา 1,556 และ 1,455 สาขา 3)สถานีจำหน่ายน้ำมันในต่างประเทศจำนวน 168 สถานีใน 4 ประเทศ (ลาว กัมพูชา พม่า และฟิลิปปินส์) และ4)ธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเครื่องแบรนด์ PTT

- PTT จะลดการถือหุ้น PTTOR ลงจาก 100% เหลือ 45-50% เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการขยายธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกในอนาคต หลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ส่งผลให้ PTTOR ไม่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ

- TOP (ราคาปิด 71.25 แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเหมาะสม 76) คาดค่าการกลั่นรวม (GIM) ปี 60 สูงกว่าปี 59 ที่คาดเฉลี่ยอยู่ที่ 7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เหตุดีมานด์ใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น และกำลังการผลิตน้ำมั่นทั่วโลกลดลง ส่วนโครงการ CFP เพิ่มกำลังผลิตการกลั่น 4 แสนบาร์เรล/วัน คาดได้ข้อสรุปและชงบอร์ดอนุมัติปลายปีหน้า พร้อมทุ่มงบลงทุนปีหน้ากว่า 100-200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ที่มาข่าวหุ้น)

- IRPC (ราคาปิด 4.74 แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 5.85) แย้มอีบิทด้าปี 60 ใกล้เคียงปี 59 ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท คาดค่าการกลั่นรวม (GIM) พุ่ง 13-14 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทุ่มงบลงทุน 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขยายกำลังผลิตโพลีโพพิลีน (PP) อีก 3 แสนตัน/ปี ประเมินราคาน้ำมันดิบปี 60 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 52-57 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ที่มาข่าวหุ้น)

- FER จะเข้าซื้อ"สตาร์ แก๊ส"ทำธุรกิจ LPG มูลค่าไม่เกิน 550 ลบ.,คาดเสร็จใน Q1/60 พร้อมเพิ่มทุน 1.44 พันล้านหุ้น แบ่งขาย RO ที่ 5:2 หุ้นละ 1 บาท พร้อมแถมวอร์แรนต์-ขาย PP หุ้นละ 1 บาท

- TTW เผย Q3/59 กำไรสุทธิโต 8.5% จาก Q3/58 หลังคืนเงินกู้ก้อนใหญ่ 1.8 พันลบ. (ที่มาอินโฟเควสท์)



สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -35.89 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,867.93 จุด ลดลง 35.89 จุด หรือ -0.19% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,321.51 จุด ลดลง 12.46 จุด หรือ -0.23% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,181.90 จุด ลดลง 5.22 จุด หรือ -0.24% เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ หลังจากที่หุ้นกลุ่มดังกล่าวทะยานขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความหวังที่ว่า นโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเอื้อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า การแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของสกุลเงินดอลลาร์อาจจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทที่ต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นรายได้หลัก

ตลาดน้ำมัน NYMEX +0.27 ดอลลาร์/บาร์เรล

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 45.69 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะสามารถดำเนินการตามข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมัน ในการประชุมอย่างเป็นทางการซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.นี้