หุ้นใหม่กำไร9เดือน‘แกร่ง’ มั่นใจทั้งปีโตตามแผน

จากการสำรวจผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2559 ของหุ้นที่เพิ่งเข้ามาซื้อขายในปีนี้ จำนวน 20 บริษัท พบว่า ส่วนมากมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีที่แล้ว โดยบริษัทที่กำไรเพิ่มขึ้น มีจำนวน 13 บริษัท ส่วนบริษัทที่กำไรสุทธิลดลง มีจำนวน 7 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท เจตาแบค (GTB), บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล (BM), บริษัท บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ (BTW), บริษัท บีซีพีจี (BCPG), บริษัท ซีลิค คอร์พ (SELIC), บริษัท ออลล่า (ALLA) และบริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท (FN)

ทั้งนี้ บริษัทที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ (BIZ) ที่กำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้น 2,640.15% เป็น 69.6 ล้านบาท จากงวด 9 เดือนปี 2558 ที่มีขาดทุนสุทธิ 2.74 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานของ บิสซิเนสอะไลเม้นท์ ในไตรมาส 3 ปี 2559 มีรายได้รวม 359.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 33.37 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 61.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 0.15 ล้านบาท

สาเหตุผลประกอบการเติบโตอย่างโดดเด่นในไตรมาส 3 ปี 2559 เนื่องจากบริษัทมีการรับรู้รายได้จากการส่งมอบงาน 3 โครงการ ตามกำหนดการส่งมอบงานที่บริษัทได้เคยวางแผนไว้ ได้แก่ งานโครงการลูกค้ารายโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ มูลค่า 72.75 ล้านบาท งานโครงการลูกค้ารายโรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี มูลค่า 143.93 ล้านบาท และงานโครงการลูกค้ารายโรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี มูลค่า 108.88 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้จากการบริการที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทมีจำนวนสัญญาให้บริการบำรุงรักษาเพิ่มมากขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากช่วงรับประกันสินค้าตามสัญญาซื้อขายหลังจากส่งมอบงานของลูกค้าหลายรายหมดอายุลง จึงเริ่มทำสัญญาบำรุงรักษาดังกล่าวกับบริษัท

รองลงมาคือ บริษัท ชีวาทัย (CHEWA) ที่มีกำไรสุทธิ งวด 9 เดือนปี 2559 อยู่ที่ 71.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,205.12% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 6.45 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเท่ากับ 1,042.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 318.07 ล้านบาท หรือคิดเป็น 45% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 706.37 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้มาจากการขายอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 990.30 ล้านบาท

ปัจจัยหลักมาจากการรับรู้รายได้ของโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการฮอลล์มาร์ค แจ้งวัฒนะ และโครงการชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ รวมจำนวน 763 ล้านบาท และยังคงทยอยรับรู้รายได้จากโครงการชีวาทัย รามคำแหง และโครงการฮอลล์มาร์ค งามวงศ์วานอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการให้เช่าโรงงาน และค่าบริการ จำนวน 12.32 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ จำนวน 21.82 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 28% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 24% เป็นผลมาจากบริษัทสามารถทำกำไรจากยอดขายได้สูงขึ้น

บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ (SQ) รายงานผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2559 จำนวน 146.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 745.03 % จากงวดเดียวกันปีก่อน ที่ขาดทุนสุทธิ 22.74 ล้านบาท โดยงวด 9 เดือนแรก ปี 2559 มีรายได้รวมจากการให้บริการทั้ง 3 โครงการรวม 1,999 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 68.8% และบริษัท ITEL ซึ่งรายงานกำไรสุทธิ งวด 9 เดือนปี 2559 จำนวน 55.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 232.28% จากงวดเดียวกันปีที่แล้ว ที่มีกำไรสุทธิ 16.76 ล้านบาท

ศาศวัต ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ (SQ) เปิดเผยว่า ไตรมาสสุดท้ายของปี บริษัทจะมีรายได้จากการให้บริการทั้ง 3 โครงการเพิ่มขึ้น อยู่ในระหว่างการเจรจางานโครงการใหม่ทั้งในและต่างประเทศอีกหลายโครงการ

ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากการให้บริการทั้ง 3 โครงการเพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจางานโครงการใหม่ทั้งในและต่างประเทศอีกหลายโครงการ ซึ่งทั้งหมดเป็นงานที่ต้องใช้เครื่องจักรและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเป็นหลัก อันเป็นจุดแข็งของบริษัทที่ทำให้บริษัทมีโอกาสที่จะได้งาน รายละเอียดจะเปิดเผยให้ทราบเร็วๆ นี้

สอดคล้องกับ สุนทรี จรรโลงบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) TM เปิดเผยว่า การเติบโตของทั้งกำไร และรายได้เกิดจากยอดขายสำหรับสินค้ากลุ่มอุปกรณ์ และเครื่องมือแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับการผ่าตัดหัวใจ และเครื่องมือผ่าตัดทั่วไป หลังจากที่บริษัทเริ่มจำหน่ายสินค้ากลุ่มนี้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2558 และได้ทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้เพิ่มสูงขึ้นโดยสินค้าหลักที่มียอดขายสูงสุดในกลุ่มสินค้าประเภทนี้คือ เครื่องควบคุมการทำงานของหัวใจขณะผ่าตัด ลิ้นหัวใจเทียม และปอดเทียม

โดยหลังจากนี้บริษัทมีแผน สำหรับการพัฒนา และขยายการนำเข้า และจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์แบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการขยายฐานลูกค้าทั้งโรงพยาบาลรัฐบาล โรงพยาบาลเอกชน และคลินิกเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถทำรายได้รวมเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะมาจากกลุ่มธุรกิจทั้ง 4 กลุ่มหลัก ตามการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมทางด้านการแพทย์ และโรงพยาบาล

อย่างไรก็ตาม สำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้นของหุ้นที่เข้าใหม่ในปีนี้ พบว่า ราคายังอยู่เหนือระดับราคาไอพีโอ โดยหุ้นที่ราคาสูงจองมากที่สุด คือหุ้นเน็ตเบย์ (NETBAY) ที่เหนือจอง 240% และหุ้น

เอกชัยการแพทย์ (EKH) เหนือจอง 113.11% ขณะที่กระแสการลงทุนในช่วงปลายปี 2559 นี้นักวิเคราะห์หลายค่ายประเมินว่าน่าจะแผ่วลง โดยเฉพาะการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ ฉะนั้น จึงเป็นที่จับตาว่า ราคาหุ้นใหม่เหล่านี้จะสะท้อนความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของนักลงทุนอย่างไรต่อไป