3 กลุ่มผุด 'ชิฟ เวนเจอร์ส'

3 กลุ่มผุด 'ชิฟ เวนเจอร์ส'

3 นักธุรกิจหนุ่มจับมือตั้ง "ชิฟเวนเจอร์ส" แหล่งเงินทุนใหม่ของสตาร์ทอัพไทย เน้นจับคู่นักลงทุนกับสตาร์ทอัพในกลุ่มค้าปลีก-อสังหาฯ-ท่องเที่ยว

3 นักธุรกิจหนุ่มจับมือตั้ง “ชิฟเวนเจอร์ส” แหล่งเงินทุนใหม่ของสตาร์ทอัพไทย เน้นจับคู่นักลงทุนกับสตาร์ทอัพในกลุ่มค้าปลีก อสังหาฯ อาหาร และการท่องเที่ยว เบื้องต้นมีนักลงทุนในพอร์ต 30 คน รวมเม็ดเงินลงทุน 1 พันล้านบาท ขณะที่“เจมาร์ท”เผยร่วมลงขันมองเทรนด์ธุรกิจมีศักยภาพเติบโตสูง

เปิดตัวอย่างเป็นทางการวันนี้ (17 พ.ย.) สำหรับบริษัท ชิฟ เวนเจอร์ส(Shift Ventures) ภายใต้การรวมตัวของ 3 นักธุรกิจ ได้แก่ นายวรวิสุทธิ์ ภิญโญยาง ที่เคยทำงานกับบริษัทสตาร์ทอัพที่ซิลิคอลวัลเลย์ ,นายกวิณ โอภาสวงการ นักลงทุนและคลุกคลีกับธุรกิจสตาร์ทอัพมาเป็นยาวนานพอสมควร เขายังเป็นทายาทของนายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเอเชีย พลัส กรุ๊ป อีกด้วย สุดท้ายคือ นายวิเลิศ อรวรรณวงศ์ ที่เคยผ่านประสบการณ์ผู้ประกอบการทางด้านซอฟต์แวร์ รวมถึงธุรกิจดิจิทัลเอเจนซี

หวังเชื่อมกลุ่มสตาร์ทอัพ

นายวรวิสุทธิ์ กล่าวถึงจุดประสงค์ของการก่อตั้งว่า ต้องการให้ชิฟ เวนเจอร์ส ทำหน้าที่เป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างนักลงทุนกับเหล่าสตาร์ทอัพทั้งหลาย หวังสร้างอีโคซิสเต็ม หรือระบบนิเวศน์ของธุรกิจสตาร์ทอัพไทยให้มีศักยภาพ ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ภารกิจของชิฟเวนเจอร์ส จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ด้าน ด้านแรก จะเป็นการเปิดคอร์สอบรมให้ความรู้ กับนักลงทุนไทยที่ยังไม่คุ้นเคย ที่ยังไม่รู้วิธีว่าจะลงทุนอย่างไรในธุรกิจสตาร์ทอัพ คือต้องให้ข้อมูล รวมถึงเปิดหลักสูตรสอนถึงวิธีการในการคัดเลือกหรือพิจารณาหาธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีแนวโน้มที่สดใส จะมีการเติบโตที่ดี ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับการสอนนักลงทุนให้ลงทุนในกองทุน หรือในหุ้น

ผุดคลับ30นักลงทุนขั้นต้น

เบื้องต้นชิฟ เวนเจอร์ส ได้สร้าง 1000x Club ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มนักลงทุนรายบุคคล ซึ่งในเวลานี้มีจำนวนทั้งสิ้น 30 คน โดยที่นักลงทุนแต่ละคนพร้อมลงทุนอย่างน้อยคนละ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35 ล้านบาท มูลค่าการลงทุน รวมกว่า 1,000 ล้านบาท ในหมายเหตุที่ว่าเงินลงทุนดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับนักลงทุนแต่ละคนที่จะพิจารณาลงทุนเอง

ชิฟ เวนเจอร์ส วางแผนว่าภายในปีหน้าจะเปิดหลักสูตรสอนนักลงทุน 2 แบตซ์ โดยจะใช้ระยะเวลาแบตซ์ละ 9 สัปดาห์ เพื่อเป็นการพัฒนารวมทั้งยังเป็นการคัดกรองนักลงทุนที่มีความรู้มีคุณภาพให้เข้ามาอยู่ในระบบ

เล็งปั้นสตาร์ทอัพ4กลุ่มธุรกิจ

ส่วนภารกิจอีกด้านหนึ่งของ ชิฟ เวนเจอร์ส คือการทำหน้าที่พัฒนาความพร้อมให้กับสตาร์ทอัพไทย ซึ่งที่จะโฟกัสเป็นพิเศษก็คือธุรกิจค้าปลีก,อสังหาริมทรัพย์,อาหารและท่องเที่ยว เป็นธุรกิจ 4 กลุ่ม ที่คาดว่าจะได้รับความสนใจในการลงทุนจาก 1000x Club โดยจะมีการจัดตั้ง Founderhood Club เพื่อพัฒนาหลักสูตรสำหรับสตาร์ทอัพให้มีความสามารถมีมุมมองที่ดีทางธุรกิจ ตลอดจนช่วยลดความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น

นายวรวิสุทธิ์ กล่าวว่าจากประสบการณ์ที่เขาได้คลุกคลี ในแวดวงธุรกิจสตาร์ทอัพไทยมาเป็นเวลานาน มองเห็นปัญหาต่างๆมักจะเกิดขึ้นในช่วงจังหวะที่สตาร์ทอัพกำลังจะขยับจากขั้นที่เรียกว่า Seed ไปยังขั้นที่เติบใหญ่ไปมากกว่านั้น เพราะโดยทั่วไปแล้วกองทุนต่าง ๆที่เข้ามาสนับสนุนสตาร์ทอัพไทย มักจะลงทุนให้ในช่วงของ “Seed” เป็นส่วนใหญ่ ถือว่าเป็นเม็ดเงินลงทุนที่น้อยมาก เขาบอกว่ากองทุนบางแห่งให้เพียงแค่หลักหมื่นด้วยซ้ำไป

เป็นเหตุให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นธุรกิจสตาร์ทอัพส่วนใหญ่กว่า 95 % จึงมักเจ๊ง หรือต้องเลิกทำไปไม่สามารถขยายกิจการหรือโตต่อได้ ซึ่งเป็นเพราะขาดเงินทุนมาใช้พัฒนาสินค้าและรวมถึงเอามาใช้เดินเกมการตลาดเพื่อหาลูกค้า

หากภารกิจทั้งสองด้านของชิฟ เวนเจอร์ส บรรลุผล ท้ายที่สุดก็จะมีนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพจำนวนที่มากขึ้น ขณะที่ทางฝั่งของสตาร์ทอัพเองก็จะมีทีมที่แข็งแกร่ง เก่งพร้อมจนสามารถเชิญชวนให้นักลงทุนตัดสินใจมาลงทุนด้วยได้

ดึงกูรูให้คำปรึกษา-มองหาโอกาส

นายวรวิสุทธิ์ บอกว่าการจับคู่นี้ทางฝั่งสตาร์ทอัพ จะไม่ได้แค่เงินทุนเพียงอย่างเดียว แต่นักลงทุนที่อยู่ในพอร์ตของชิฟ เวนเจอร์ส โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุน 30 คน ที่อยู่ในล็อตแรกนั้นถือเป็นสุดยอดนักธุรกิจของไทย เป็นกูรูมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่แตกต่าง หลากหลายและยังพร้อมจะเป็นที่ปรึกษา เป็นผู้ให้คำแนะนำสตาร์ทอัพถึงแนวทางการมองหาโอกาสในธุรกิจได้เป็นอย่างดี

การเปิดตัวครั้งนี้ของ ชิฟ เวนเจอร์ส มีกลุ่มนักลงทุนเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ที่รวมตัวกันในชื่อ 1000x Club เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทินายก้องเกียรติ โอภาสวงการ, นายฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเอ็มเคเรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเถ้าแก่น้อยฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ,นางสาวสุวภา เจริญยิ่ง ,นายวัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนหุ้นรายใหญ่, นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการบริษัทมิลล์คอนสตีล อินดัสทรีส์ จำกัด(มหาชน) , นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทคอมเซเว่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด , นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท, นายพชร จิราธิวัฒน์, นพ.วชิระ ลาภบุญทรัพย์, นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทซีโอแอล จำกัด (มหาชน)

ชี้ธุรกิจสตาร์ทอัพโอกาสใหม่

ด้านนายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท ซึ่งเป็น 1 ใน 30 ราย ที่นำเงินร่วมลงขัน กล่าวว่าส่วนตัวไม่เคยลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพมาก่อนหน้านี้ แต่มองว่าธุรกิจสตาร์ทอัพเป็นโอกาสที่ดีอย่างหนึ่งในปัจจุบัน โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยี ซึ่งเป็นกระแสที่จะพัฒนาไปในอนาคต

“ส่วนตัวคงจะมองหาธุรกิจที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวนำ และดูว่ามีโอกาสมากน้อยเพียงใดที่โมเดลธุรกิจนั้นๆ จะเกิดขึ้นได้จริงในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ส่วนเงินลงทุนนั้นก็คงขึ้นอยู่กับแต่ละธุรกิจ การลงทุนเหล่านี้จะมองเป็นการลงทุนระยะยาวอยู่แล้ว”นายอดิศักดิ์ กล่าว

ขณะที่นายก้องเกียรติ , นายฤทธิ์ ,นายอิทธิพัทธ์ และนายพชร จิราธิวัฒน์ พร้อมขึ้นเวทีพูดถึงแนวโน้มของนักลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพด้วย

ขณะเดียวกันได้ระดมความคิดจากฝั่งของนักธุรกิจสตาร์ทอัพ ประกอบด้วย นายภูมินทร์ ยุวจรัสกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง eatigo ,นายทวีชัย ภูรีทิพย์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Deep Pocket ,นางสาววริศา ศรีเจริญ ผู้ร่วมก่อตั้ง QueQ และนางสาวภัทรพร โพธิ์สุวรรณ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Event Pop ว่าพวกเขามีมุมมองว่าชิฟ เวนเจอร์ส จะสามารถช่วยสร้างอีโคซิสเต็มสำหรับสตาร์ทอัพได้อย่างไร