ความสวยงามของ "สีม่วง" หลังศึกเลือกตั้ง

ความสวยงามของ "สีม่วง" หลังศึกเลือกตั้ง

ภายหลังจากทราบผลคะแนนอย่างค่อนข้างจะแน่ชัดและชัดเจนว่าสามารถผ่านเพดาน "270" ได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่คนที่ 45 แล้ว

โดนัลด์ ทรัมป์ก็แถลงการณ์ตอนตี 3 ประกาศชัยชนะตามธรรมเนียมปฏิบัติ

                ในการแถลงต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกหลังทราบผลชนะอย่างไม่เป็นทางการแล้ว ดูเหมือนทรัมป์จะกลายเป็นอีกคนหนึ่ง เป็นคนละคนเมื่อเทียบกับช่วงตอนหาเสียงตลอดสามเดือนที่ผ่านมาก่อนถึงวันเลือกตั้ง เพราะโทนภาษาบ่งบอกเช่นนั้น แรกสุด ก็คือการเรียกขานฮิลลารี คลินตันด้วยคำว่า "Secretary Clinton" หรือท่านรัฐมนตรีคลินตันอย่างให้เกียรติในฐานะอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ไม่ใช่ "nasty woman" อีนางร้ายหรือนางแพศยาเหมือนช่วงตอนหาเสียง พร้อมทั้งกล่าวยกย่องประกาศเกียรติคุณของฮิลลารี คลินตันที่เคยสร้างประโยชน์ให้กับประเทศนี้ "สหรัฐฯเป็นหนี้บุญคุณท่านอย่างมาก"

                จุดสำคัญต่อมาในคำแถลงการณ์ก็คือการยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่คนอเมริกัน จึงได้สื่อสารเรียกร้องไปยังชาวอเมริกันทุกคนให้ร่วมสามัคคีกัน นอกเหนือจากคำพูดแล้ว มีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่อาจมองข้ามได้เพราะเป็นสิ่งที่บ่งบอกความตั้งใจและหนุนเสริมคำพูดดังกล่าว(?)

                ในฐานะผู้สมัครของพรรคริพับลิกัน การที่โดนัลด์ ทรัมป์เลือกผูกเนทไทสีแดงสดซึ่งเป็นสีประจำพรรคนั้นถือว่าถูกต้องไม่มีอะไรเสียหาย แต่การที่ว่าที่รองประธานาธิบดีไมค์ เพ็นซ์ผูกเนทไทสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีประจำพรรคเดโมแครตคู่แข่งนั้นอาจจะตีความได้ว่าเป็นความตั้งใจ(?)เพื่อบ่งบอกว่าบนเวทีแห่งนี้และทุกๆที่ในประเทศสหรัฐฯ ทั้งสองสีทั้งพรรคสามารถอยู่ร่วมกันได้

                ในขณะเดียวกัน ถึงแม้จะปรากฏว่าป้ายชื่อที่อยู่บนโพเดี้ยมมีพื้นออกโทนสีม่วง ซึ่งเป็นสีที่เกิดจากการผสมระหว่างสีแดงและสีน้ำเงิน แต่ก็ไม่อาจฟันธงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า เป็นความตั้งใจที่จะบ่งบอกความเป็นหนึ่งเดียว (เพราะเป็นโทนสีที่ปรากฏให้เห็นเช่นนี้มาตั้งแต่แรกในระหว่างการรณรงค์หาเสียง)

                แต่การปรากฏตัวแถลงยอมรับความพ่ายแพ้ของฮิลลารี คลินตันในอีกเกือบ 9 ชั่วโมงต่อมานั้น ถือว่าชัดเจนแจ่มแจ้งที่สุด

                ถึงแม้จะยอมรับว่าผิดหวังและเจ็บปวดอย่างมากที่สุดสำหรับผลการเลือกตั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงความตั้งใจของฮิลลารี คลินตันที่จะก้าวข้ามความผิดหวังและความแตกแยกอย่างร้าวลึกในสังคมอเมริกันก็คือ การเจตนาเลือกใส่เสื้อเชิ๊ตตัวในสีม่วงสวมทับด้วยสูทสีดำที่มีสาบเสื้อเป็นสีม่วงเข้มสดมองเห็นเด่นชัดเป็นรูปตัว V เพื่อสื่อสารและบอกกล่าวชาวอเมริกันว่า การเลือกตั้งจบแล้ว ไม่มีศึกสีแดงหรือสีน้ำเงินที่ต้องห่ำหั่นกันอีกจนกว่าสี่ปีข้างหน้า สิ่งสำคัญที่ต้องยอมรับก็คือ ณ เวลานี้ที่สหรัฐฯมีผู้นำคนใหม่ที่ชื่อโดนัลด์ ทรัมป์แล้ว ดังนั้น สีม่วงแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันคือสีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่สุด

                ยิ่งไปกว่านั้น การที่บิล คลินตันผู้เป็นสามีที่ยืนข้างหลังอยู่ห่างๆผูกเนทไทสีม่วง รวมทั้งแอน โฮลตัน คนที่เกือบได้เป็นสตรีหมายเลข 2 (ในฐานะภรรยาของผู้สมัครตำแหน่งรองประธานาธิบดีทิม เคน) ก็สวมเสื้อสีม่วงเช่นกันนั้น คือการตอกย้ำและหนุนเสริมความหมายสีม่วงทั้งคำพูดและสีเสื้อผ้าของฮิลลารี คลินตันให้มีน้ำหนักยิ่งขึ้น

                แต่ดูเหมือนว่า ท่ามกลางกระแสการต่อต้านไม่ยอมรับโดนัลด์ ทรัมป์ "Trump is not my president" ที่เกิดขึ้นขยายตัวในหลายๆเมืองทั่วประเทศนั้น สะท้อนให้เห็นว่า "Purple is not my color" สีม่วงไม่ใช่สีของฉัน เช่นกัน