บิ๊ก'พฤกษา'คาดตลาดอสังหาฯปีนี้ มีโอกาสติดลบ5%

บิ๊ก'พฤกษา'คาดตลาดอสังหาฯปีนี้ มีโอกาสติดลบ5%

บิ๊ก“พฤกษา” คาดภาพรวมตลาดอสังหาฯปี59 มีโอกาสติดลบ 5% หลังไตรมาส 4 สะดุดปัจจัยผันผวนทั้งภายใน-ภายนอก ไม่เอื้อซื้อขาย เลื่อนเปิดโครงการเพียบ

หลังครึ่งแรกของปีนี้ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ต่างเร่งนำสต็อกอสังหาฯมาระบาย ผ่านมาตรการกระตุ้นอสังหาฯของรัฐที่สิ้นสุดลงในไตรมาสสอง กลายเป็นการกดดันผลประกอบการไตรมาสสามที่หลายบริษัทกำไรลดลงหลังหมดมาตรการรัฐ รอความหวังฟื้นตลาดในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งที่สุดประเมินแล้วว่า สถานการณ์ที่อยู่อาศัยยังมีทิศทางทรงตัว จากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศรุมเร้า

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการผู้อำนวยการกลุ่มพรีเมียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2559 โดยคาดว่า จะ “ทรงตัว” หรือมีโอกาส “ติดลบ 5%” โดยมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 3- 3.3 แสนล้านบาท จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 0-5% มูลค่าตลาดรวม 3.5 -3.6 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่มีมูลค่าตลาดรวม 3.48 แสนล้านบาท เนื่องจากเผชิญปัจจัยภายในและภายนอกที่ยากจะควบคุม

ส่งผลให้ไตรมาส 4 ที่คาดว่า สถานการณ์ธุรกิจอสังหาฯจะกลับมาสดใส มีการเปิดโครงการใหม่มากที่สุด กลับไม่เป็นไปตามคาดการณ์ โดยผู้ประกอบการได้เลื่อนการเปิดโครงการไตรมาส 4 ออกไปปีหน้าเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์

ประเมินอสังหาฯปี60“ฟื้น”

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าตลาดอสังหาฯในปี 2560 จะกลับมาฟื้นตัวได้ หรือเติบโต 5% หลังผู้ประกอบการอสังหาฯเริ่มกลับมาเดินหน้าลงทุนอีกครั้ง เพราะเริ่มมั่นใจแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และคลายความกังวล จากปัจจัยภายนอกประเทศที่ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนต่างๆ ซึ่งมีความชัดเจนแล้วในปีนี้ ทั้งผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และเบร็กซิท เป็นต้น

ดังนั้น มองว่าปีหน้า จะเป็นปีแห่งการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ของผู้ประกอบการอสังหาฯ ในภาพรวม เพื่อการก้าวไปสู่การเติบโต ในหลายรูปแบบ โดยจะไม่เน้นทำตลาดใดตลาดหนึ่ง แต่จะขยายไปในทุกตลาด เพื่อเพิ่มยอดขาย ส่วนแบ่งการตลาด ลดความเสี่ยง รวมถึงการร่วมทุนกับต่างชาติ หรือบริษัทคนไทยด้วยกันเอง เพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจ

ปีหน้า“พฤกษา”รุกพรีเมี่ยม

สำหรับแผนธุรกิจในปีหน้า พฤกษาจะรุกตลาดอสังหาฯระดับบนอย่างจริงจัง ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมและแนวราบ ซึ่งการพัฒนาโครงการจะเป็นรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยระดับบน โดยแต่ละโครงการจะออกแบบแตกต่างกัน มีจำนวนยูนิตขายไม่มาก โดยจะเป็นครั้งแรกที่บริษัททำโครงการคอนโด ราคาขายเฉลี่ย 2.5-3 แสนบาทต่อตร.ม.

โดยวางแผนเปิดโครงการระดับบนในปี 2560 จำนวน 4-5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,500ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโด 4 โครงการ และโครงการแนวราบ 1 โครงการ ซึ่งได้ซื้อที่ดินรองรับการเปิดโครงการระดับบนไว้ทั้งหมดแล้ว ในย่านทองหล่อ เอกมัย พญาไท และพหลโยธินตอนต้น

มั่นใจยอดขายปีนี้ตามเป้า5.1หมื่นล.

นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการร่วม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า มั่นใจว่ายอดขายปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมาย 5.1 หมื่นล้านบาท โดยยอดขายในช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ทำได้ 3.95 หมื่นล้านบาท โดยเน้นจัดกิจกรรมการตลาดและประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ และการประชาสัมพันธ์ผ่านลูกค้าปัจจุบัน เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ให้กับผู้ที่สนใจและยังมองหาที่อยู่อาศัย

โดยยังคงเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 4 อย่างต่อเนื่องอีก 18-20 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท

แลกหุ้นนำบ.โฮลดิ้งส์ซื้อขาย1ธ.ค.นี้

ส่วนกระบวนการนำหุ้นบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตส (PS) ไปแลกหุ้นบมจ.พฤกษา โฮลดิ้งส์ กระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 23 พ.ย.นี้ และจะนำบมจ.พฤกษา โฮลดิ้งส์ เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ แทนPSภายในวันที่ 1 ธ.ค. นี้ โดยธุรกิจใหม่ของบริษัทโฮลดิ้งส์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการและมีรายได้ประจำเข้ามา ซึ่งคาดว่าอาจจะเห็นความชัดเจนภายในปี 2560 แต่สัดส่วนรายได้ของบมจ.พฤกษา โฮลดิ้งส์ ในปี 2560 นั้นจะยังมาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ของPSเกือบ 100%

หมดมาตรการกระตุ้นฯฉุดรายได้“พฤกษา”

ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส3ของพฤกษา พบว่า มียอดขาย 13,027 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,511 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 25 โครงการ

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาด้านรายได้ พบว่ามีรายได้ 9,143 ล้านบาท ลดลง 2,321 ล้านบาท หรือลดลง 20.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมาตรการของรัฐในการกระตุ้นตลาดอสังหาฯสิ้นสุดลงในไตรมาส 2 ของปีนี้ ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเร่งโอนกรรมสิทธิ์ก่อนหมดมาตรการ

โดยมีกำไรสุทธิ 928 ล้านบาท ลดลง 701 ล้านบาท หรือลดลง 43.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“แอลพีเอ็น”กำไรลดเหตุไม่มีโครงการส่งมอบ

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของบริษัทแอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ มีอัตรากำไรสุทธิ ลดลงจาก16.74% เหลือ12.56% เกิดจากในไตรมาส 3 ไม่มีโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมส่งมอบ มีแต่เพียงรับรู้รายได้จากโครงการที่สร้างเสร็จใน 6 เดือนแรกของปี 2559 ประกอบกับ ตลาดกลาง-ล่างมีกำลังซื้อชะลอตัว หนี้ครัวเรือนอยู่ในอัตราสูง และสถาบันการเงินคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ ทำให้การโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

โดยบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิลดจากไตรมาสเดียวกันของปี ก่อน 701.48 ล้านบาท หรือลดลง 69.39 % เกิดจากมีรายได้จากการขายลดลง 3,604.89 ล้านบาท จาก 5,877.30 เป็ น 2,272.41 ล้านบาท หรือลดลง 61.34 %

“เอพี”รายได้รวมหดกำไรดิ่ง38.7%

ส่วนบริษัทเอพี (ไทยแลนด์) ระบุผลการดำเนินงานในไตรมาส3ว่า มีกําไรสุทธิ 456.6 ล้านบาท ลดลงจาก 745.8 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือลดลง 38.7 % โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้รวมลดลงจาก 5,498.9 ล้านบาทในไตรมาส3 ปี 2558 เป็น 4,448.3 ล้านบาท หรือลดลง19.1%

ทั้งนี้ เมื่อแยกดูตามประเภทของสินค้า สินค้าแนวราบในไตรมาสนี้ รับรู้รายได้ 3,452.0 ล้านบาทยังสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง ที่ 12.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สําหรับโครงการแนวสูงในไตรมาสนี้ รับรู้รายได้ 763.0 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่

แลนด์แอนด์เฮ้าส์กำไรพุ่ง34.5%

ด้านบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) แจ้งผลการดำเนินการไตรมาส 3 ว่า มีกำไรสุทธิ 1,993.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 511.84 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 34.55 % เกิดจากรายได้จากการขายอยู่ที่ 6,268.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 936.52 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 17.56%

อนันดาฯกำไรไตรมาส3เพิ่ม56%

เช่นเดียวกับบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2559 มีกำไร 252 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน รายได้ 2,979 ล้านบาท เติบโต 12% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

โดยในปี 2559 ถือเป็นช่วงแห่งการเก็บเกี่ยวผลตอบแทน (Harvest Period) ตั้งแต่เงินลงทุนจาก IPO ที่นำมาพัฒนาโครงการและมีการเปิดขายไปก่อนหน้านี้ รวมถึงการก่อสร้างได้แล้วเสร็จ และเริ่มมีการโอนกรรมสิทธิ์ โดยจะเริ่มสร้างผลตอบแทนจากยอดโอนในปี 2559 จำนวน 5 โครงการ

จากผลการดำเนินการที่ดีขึ้น ทำให้บริษัทปรับเพิ่มเป้ายอดขายทั้งปีเพิ่มอีก 5% แม้ว่าจะเลื่อนเปิดโครงการ 3 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 2,500 ล้านบาท จากไตรมาส 4/2559 ไปยัง ไตรมาส 1/2560 ก็ตาม