'เมย์แบงก์' ลงทุนระบบป้องกัน‘แฮก’

'เมย์แบงก์' ลงทุนระบบป้องกัน‘แฮก’

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง จัดงบลงทุน"ป้องกันการโจมตีทางเครือข่าย" ชี้สร้างมาตรฐานเท่าสถาบันการเงิน

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) MBKET เปิดเผยว่า บริษัทได้ขออนุมัติที่ประชุมคณะกรรมการ เพื่อลงทุนในระบบ ป้องกันการโจมตีทางเครือข่าย (DDOS Protection Solution) เพื่อเพิ่มมาตรการป้องกันความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งระบบดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ หรืออย่างช้าในต้นปี 2560

โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2559 มีมติที่สำคัญ คืออนุมัติให้บริษัทเข้าทำข้อตกลงกับ Maybank Investment Bank Berhad ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่มีผู้มีอำนาจควบคุมรายเดียวกับบริษัท คือ Malayan Banking Berhad ในการรับบริการบางส่วนในระบบป้องกันการโจมตีทางเครือข่าย ตามสัญญาระหว่าง Maybank Investment Bank Berhad กับ Akamai Technologies Malaysia SDN BHD (ผู้ให้บริการ)

“การเพิ่มมาตรการป้องกันดังกล่าวเพื่อสร้างความมั่นใจกับผู้ใช้งานและลูกค้าของบริษัทมากขึ้น และต้องการยกระดับการป้องกันให้เทียบเท่ากับสถาบันการเงิน ที่มีมาตรการป้องกันความปลอดภัยในระดับที่สูง”

การลงทุนดังกล่าวใช้งบลงทุนไม่มากนักประมาณ 1.3 ล้านบาท โดยมองว่าจะช่วยเพิ่มความป้องกันให้มากขึ้น ซึ่งการเพิ่มระบบดังกล่าวนั้นไม่ได้เกิดจากระบบการป้องกันของบริษัทมีปัญหาแต่อย่างใด ซึ่งระบบการป้องกันของบริษัทยังอยู่ในระดับที่ดี

อย่างไรก็ตาม สำหรับการขออนุมัติให้บริษัทเข้าทำสัญญารับความช่วยเหลือในทางการเงินจาก Maybank Kim Eng Holdings Limited ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ เป็นจำนวนวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท นั้นไม่ได้เกิดปัญหาแต่อย่างใด เป็นเพียงการขอวงเงินเพื่อคืนเงินกู้เท่านั้น

นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย กล่าวว่า ในแง่ของการป้องกันระบบการซื้อขายนั้น ทางบล.ได้ใช้ระบบร่วมกับธนาคารที่เป็นบริษัทแม่ทำให้มั่นใจในแง่ของความปลอดภัยจากการโจมตีและการโจรกรรมข้อมูล ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้

ทั้งนี้การเติบโตของการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์นั้นมีการเติบโตที่ลดลง โดยปัจจุบันมีการส่งคำสั่งผ่านระบบดังกล่าวประมาณ 30-50% ของมูลค่าการซื้อขาย ซึ่งการเติบโตยังมีอยู่ ทั้งนี้นักลงทุนยังให้ความนิยมกับการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนอยู่

อย่างไรก็ตาม สำหรับทิศทางธุรกิจหลักทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปีนี้ มองว่าทิศทางยังดีจากมูลค่าการซื้อขายที่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งมองว่าความคึกคักจะยังมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจหลักทรัพย์น่าจะได้รับอานิสงส์ดังกล่าว