วันนี้ฟื้นตัวแต่ชะลอลง และคาดมี Post-election rally

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้  :  วันนี้ฟื้นตัวแต่ชะลอลง และคาดมี Post-election rally

เราคาดตลาดจะยังคงปรับขึ้นด้วยโมเมนตัมเชิงบวก แต่ในอัตราที่ชะลอตัวลง หลังคะแนนนิยมของคลินตัน ฉีกตัวขึ้นห่างทรัมป์เพิมขึ้นเป็น 2.9% (จาก 1.8% และ 1.4% ในช่วง 2 วันก่อนหน้า) ทั้งนี้ตลาดมีมุมมองเชิงบวกต่อคลินตัน เนื่องจากเชื่อว่าการดำเนินนโยบายระหว่างเปลี่ยนผ่านต่างๆจะมีความราบรื่น ขณะที่กังวลกับท่าทีแข็งกร้าวและนโยบาย “อเมริกามาก่อน” ของทรัมป์ ว่าอาจจะทำให้การค้าโลกหดตัวลง โดยหน่วยแรกปิดหีบ 7.00 น. หน่วยสุดท้ายปิดหีบ 13.00 น. (เวลาที่ไทย ของวันพุธที่ 9 พ.ย.)

ทั้งนี้เรามีมุมมองว่าตลาดมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นหลังการเลือกตั้ง (Post-election rally) ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ โดย 1) หากคลินตันชนะ ตลาดจะรู้สึกปลอดภัยและมีความเชื่อมั่น แต่ 2) หากทรัมป์ชนะ ตลาดจะมองว่าความเสี่ยงจากนโยบาย อาจทำให้เฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ทั้งนี้ความเสี่ยงใหญ่ที่ตลาดกังวลก่อนหน้าคือทิศทางเงินทุนไหลกลับจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ดังนั้นความไม่แน่นอนทั้งจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีและการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ จึงมีผลต่อการชะลอการแข็งค่าของเงินเหรียญหสรัฐฯ ซึ่งมีผลในเชิงหักล้างความเสี่ยงของตลาดให้ต่ำลง

สำหรับปัจจัยในประเทศ :  บอร์ดกสท.อนุมัติเงินช่วยจ่ายค่าเช่าโครงข่ายให้ทีวีดิจิตอล 400-600 ล้านบาท/ปี เป็นเวลา 3 ปี/ นบข.อนุมัติเงินช่วยชาวนา เสนอครม.วันนี้ ดีต่อการบริโภค / ทูลเกล้าร่าวรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 9 พ.ย.

แนวรับ/แนวต้าน :   1492-1500/1515-1520 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%

คำแนะนำทางกลยุทธ์ :  เก็งกำไรโดยลุ้น Post-election rally พา SET Index ทะลุ 1520 จุด แต่เน้นหุ้นที่ไม่เสียเปรียบในเชิงต้นทุน และเลือกหุ้นที่มีผลกำไรแน่นอน ปัจจัยการเติบโตชัดเจน และมีผลการดำเนินงานในช่วงปลายปีที่ดี ทยอยสะสมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ทางพื้นฐานยังขอเลี่ยงหุ้นกลุ่มบันเทิงเนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดประมาณการ (หากเก็ง ควรเก็งถึงแค่ประกาศผลประกอบการเท่านั้น) // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ HANA*, BCP, EASTW*

ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์

- หุ้นใหญ่ลุ้น SET ทะลุ 1520: PTT PTTEP KBSNK SCB PTTGC

- หุ้นโภคภัณฑ์: TTA* STA* TRUBB* KBS*

- กฟภ.พัฒนาระบบสายส่ง-จำหน่ายไฟฟ้า: DEMCO GUNKUL

- รถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง / รางคู่: CK STEC SEAFCO* PYLON* / BEM*

- หุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น (เงินเฟ้อ): BLA*, TIP*, EASTW*

- หุ้นที่ได้รับแรงหนุนจากฤดูกาลปลายปี: TU, ROBINS, BCP, AP, BDMS, BH, BCH, DCC

หุ้นแนะนำ

HANA* (36) : คาดรายงานกำไรไตรมาส 3/59 แข็งแกร่งขึ้น QoQ จากากรเข้าสู่ high season ทั้งนี้แรงกดดันจากการหดตัวของคำสั่งซื้อที่เกี่ยวกับ PC/Laptop น่าจะหมดไปแล้ว ขณะที่สัดส่วนรายได้จาก IC ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องน่าจะส่งแรงฉุดที่ดีต่อกำไร อีกทั้งคาดการจ่ายปันผลระหว่างกาล 1.0 บาท หลังงบไตรมาสนี้ ช่วยหนุนราคาหุ้น

BCP (42) : หุ้น top pick ในกลุ่มโรงกลั่น ราคาซื้อขายที่เพียง 7x PER อีกทั้งคาดการกำไรปี 2560 โต 16% ทำให้ม๊โอกาสสูงที่จะถูก re-rate ไปซื้อขายในระดับ PER สูงขึ้น ขณะที่ราคาคาดจะปรับตัวสอดคล้องกับค่าการกลั่น (ซึ่งมักจะปรับขึ้นไปจนกลางไตรมาส 1) หลังราคาน้ำมันดิบปี 59-60 น่าจะผันผวนต่ำกว่าอดีต

EASTW* (13) : หุ้นสาธารณูปโภคที่มีกำไรมั่นคง ซื้อขายที่ PER 14x และให้ปันผล 4% ขระที่คาดกำไร 2560 เติบโตจากการปรับเพิ่มค่าน้ำตามเงินเฟ้อหลังไม่ได้ขึ้นมา 2 ปี
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH/หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)



ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

+ นบข.ชง ครม.วันนี้ ออกมาตรการสินเชื่อช่วยเกษตรกรปลูก “ข้าวเปลือกเจ้า-ข้าวหอมปทุม” คาดใช้งบ 1.8 หมื่นล้าน พาณิชย์มั่นใจเกษตรกรพอใจราคา ขณะส่งออกชี้มาตรการช่วยสร้างฐานราคาที่เป็นธรรม เชื่อผู้ซื้อหันมาสนใจข้าวไทยมากขึ้น ดันไทยกลับมาเป็นแชมป์ส่งออก (กรุงเทพธุรกิจ) 

+ “คีรี” จับมือพันธมิตรชิงประมูลรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพู คาดใช้เงินลงทุนกว่า 8 หมื่นล้าน พร้อมยื่นข้อเสนอพิเศษนอกเหนือทีโออาร์ ขยายเส้นทางเข้าอิมแพค เมืองทองธานี และแยกรัชโยธินเชื่อมสายสีเขียว มั่นใจในความชำนาญผู้เดินรถและบริหารต้นทุนต่ำได้ดี ขณะที่ รฟม.ชี้เอกชนไม่กล้าเสี่ยงโครงการพีพีพี ส่งผลให้มีผู้เข้าประมูลแค่ 2 ราย ด้าน “บีอีเอ็ม” มั่นใจจับมือ ช.การช่างบริหารความเสี่ยงได้ (กรุงเทพธุรกิจ)

+ ฟิทช์ คงเรทติ้ง 3 แบงก์กลางของไทย โดยคงสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว “กรุงศรี-ทหารไทย” รวมถึงเครดิตภายในประเทศระยะยาว “กรุงศรี-ทหารไทย-ธนชาต” และบริษัททุนธนชาต สะท้อนฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง (กรุงเทพธุรกิจ)

ปัจจัยต่างประเทศ

+ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันอังคารนี้ ขณะที่นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตมีโอกาสชนะการเลือกตั้งมากขึ้น หลังสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ระบุว่า จะไม่ตั้งข้อหาอาญากับนางคลินตันเกี่ยวกับกรณีการใช้เซอร์เวอร์อีเมลส่วนตัวสมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นวันเดียวเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. ขณะที่ดัชนีความผันผวนร่วงลง 17% มากที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือน มิ.ย. ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 371.32 จุดหรือ 2.08% สู่ 18,259.60, ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 46.34 จุดหรือ 2.22% สู่ 2,131.52 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้น 119.80 จุดหรือ 2.37% สู่ 5,166.17 (รอยเตอร์)

- ราคาน้ำมันปิดปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% ในวันจันทร์ การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันถูกจำกัดจากการทะยานขึ้นของดอลลาร์ และความไม่แน่ใจเกี่ยวกับแผนการปรับลดการผลิตของกลุ่มโอเปก ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดพุ่งขึ้น 82 เซนต์หรือ 1.9% สู่ระดับ 44.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอนปิดพุ่งขึ้น 57 เซนต์หรือ 1.3% สู่ระดับ 46.15 ดอลลาร์/บาร์เรล (รอยเตอร์)

+ ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นอังกฤษปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ โดยหุ้นกลุ่มเหมืองปรับตัวขึ้นตามราคาโลหะ และหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นตามการพุ่งขึ้นของหุ้นเอชเอสบีซีหลังรายงานผลประกอบการ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของอังกฤษปิดพุ่งขึ้นมากกว่า 3% ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นวันเดียวมากที่สุดในรอบ 3 เดือน ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่งขึ้น 113.64 จุดหรือ 1.7% สู่ 6,806.90 (รอยเตอร์)

+ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์โดยได้แรงหนุนจากความต้องการเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก หลังนักลงทุน ขานรับข่าวที่ว่า สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐ (FBI) ระบุว่า จะไม่ตั้งข้อหาอาญากับนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครตก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.นี้ ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดพุ่งขึ้น 276.71 จุดหรือ 1.64% สู่ระดับ 17,182.07 (รอยเตอร์)