Jo’s bag เป็นมากกว่ากระเป๋า

เสน่ห์ของการซื้อของที่ระลึกในร้านมิวเซียมช้อป คือ การ์ดใบเล็กๆที่บอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาของรูปแบบศิลปะที่ปรากฏอยู่ในสินค้าชิ้นนั้น

กระเป๋าของโจแบ็ค (Jo’s bag) ก็เช่นกัน

กระดาษชิ้นเล็กสีน้ำเงินที่คุณได้รับพร้อมกับกระเป๋าผ้าไทยจะกล่าวถึงที่มาของลายผ้า วิธีการทอ ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ นอกจากทำให้เราเข้าใจ รู้ถึงคุณค่าของผ้าที่นำมาใช้ตัดเย็บกระเป๋าแล้ว ยังสามารถเล่าให้เพื่อนชาวต่างชาติได้รู้จักกับผ้าไทยผ่านกระเป๋าใบงามที่ออกแบบได้ร่วมสมัยอีกด้วย
สุทธิรัตน์ แก้วอาภรณ์ เจ้าของแบรนด์โจแบ็ค กล่าวถึงส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจจากร้านขายของที่ระลึกในพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ ที่ทำให้เขาอยากนำเสนอสินค้าที่สื่อถึงศิลปะไทยพร้อมประวัติศาสตร์ศิลปะไปพร้อมกัน
“เวลาที่คนไป เดอะ เม็ท ( The Metropolitan Museum of Art) ที่นิวยอร์ก ทำไมถึงยอมจ่ายเงินแพงๆเพื่อซื้อของที่ระลึก เพราะว่าคอนเทนต์มันน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ต่างหู ผ้าพันคอ หรือว่าอะไร คนก็ซื้อ”
สุทธิรัตน์ หรือ โจ บอกถึงที่มาของการ์ดใบเล็ก ซึ่งจะมีประโยชน์มากในยามที่ลูกค้าซื้อกระเป๋าโจแบ็คไปเป็นของขวัญ หรือ ของฝาก
ด้วยหน้าที่รับผิดชอบในตำแหน่งภัณฑารักษ์ ประจำพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ประกอบกับความรักความชอบส่วนตัวทำให้โจมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องผ้าไทยไม่น้อย ประกอบกับได้เข้าไปคลุกคลีและเรียนรู้ขั้นตอนการทอผ้ากับชาวบ้าน ทำให้เขาหยิบแพทเทิร์นลายผ้าโบราณมาขยาย แล้วออกแบบให้ชาวบ้านทอให้ใหม่ ทำให้ลายผ้าของกระเป๋าโจแบ็คมีลักษณะพิเศษ
ในขณะที่บางลายที่มีความลงตัวอยู่แล้ว เช่น ผ้าลายเกล็ดเต่า ซึ่งมีลวดลายเป็นตารางสี่เหลี่ยมเล็กคล้ายเครื่องจักสาน เขาสร้างโทนสีขึ้นมาใหม่ด้วยการนำเส้นใยฝ้ายสีเมทัลลิกให้ชาวบ้านทอตามแพทเทิร์นเดิม หากเพิ่มความแวววาวของเนื้อผ้าขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจ
จุดเริ่มต้นของโจแบ็ค เริ่มมาจากการนำผ้าปักชาวไทยภูเขามาตัดเย็บเป็นกระเป๋าใส่ไอแพดมินิ เพื่อใช้เองและทำเป็นของขวัญปีใหม่ 24 ใบ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ใครเห็นก็อยากเป็นเจ้าของ เขาจึงทำขายทีเดียว 300 ใบปรากฏว่าขายดีมาก
“เพราะผ้าคุณโจไม่เหมือนใคร” ลูกค้ากล่าวเช่นนั้น
โจแบ็ค ถือกำเนิดอย่างจริงจังด้วยการขายทางเฟซบุ๊ค อินสตราแกรม และเปิดร้านที่เจเจมอลล์ ในปี 2557 โดยผลิตจากผ้าทอมือในประเทศไทยทั้งผ้าปักชาวไทยภูเขา ผ้าไหมมัดหมี่จากอีสาน ผ้าฝ้ายจากภาคเหนือและภาคใต้ ผ้าทุกผืนมีที่มาจากโครงการศิลปาชีพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
“กระเป๋าโจแบ็ค ออกแบบจากกระเป๋าที่โจสะสมไว้ แล้วนำมาปรับปรุงเพิ่มเติมฟังก์ชั่นให้เหมาะแก่การใช้สอย โดยมีคอนเซ็ปต์ คือ น้ำหนักเบา กันน้ำ (เคลือบด้วยวัสดุกันน้ำ) ทำความสะอาดง่ายเพียงใช้แค่ทิชชูเปียก ถ้าเปื้อนมากส่งร้านซักแห้งได้ ซิปต้องลื่นกันสนิม มีสายสะพายให้ทุกใบ ที่สำคัญอายุการใช้งานยาว”
นอกจากกระเป๋าผ้าไทย ซึ่งได้รับความนิยมในกลุ่มภริยานักการทูต นักธุรกิจ แพทย์ เจ้าของกิจการที่ต้องเดินทางไปติดต่อต่างประเทศแล้ว
โจแบ็คยังออกแบบกระเป๋าลายพราง สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนและญี่ปุ่น เพื่อขอบคุณที่มาเยี่ยมเยือนที่ร้านบ่อยครั้ง กลายเป็นว่ากระเป๋าลายพรางได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีในกลุ่มภริยานายทหาร ไม่ว่าจะออกมากี่คอลเลคชั่นก็ตาม
กระเป๋าโจแบ็ค มีให้เลือกตั้งแต่กระเป๋าสตางค์ คลัทช์ กระเป๋าถือใบเล็กขนาด 9 นิ้วไปจนถึง 16 นิ้ว สนนราคา 1,000 – 9,500 บาท
เป็นกระเป๋าที่เจ้าของแบรนด์ให้นิยามว่าเป็นกระเป๋านักการทูต เนื่องจากทุกครั้งที่ถือออกงาน จะมีคนมาเริ่มต้นบทสนทนาว่าด้วยเรื่องกระเป๋าทุกครั้ง