GLOW - ถือ

GLOW - ถือ

เผยผลประกอบการที่อ่อนตัวตามคาด – มองกำไร ไตรมาส 4/59 เป็นไตรมาสต่ำสุดในปีนี้

กำไรสุทธิปรับตัวลดลงตามคาด

กำไรสุทธิไตรมาส 3/59 อ่อนตัวลง 19% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 12% YoY อยู่ที่ 2,225 ล้านบาท หากไม่นับรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 98 ล้านบาทในไตรมาส กำไรหลักจะอยู่ที่ 2,128 ล้านบาท หรือลดลง22% QoQ และ29% YoYกำไรหลักคาดว่าจะลดลงเพียงแค่ 5% จากที่เราคาดที่ 2,288 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากรายได้ที่ลดลง

ประเด็นหลักจากผลประกอบการ

รายได้จากการขายไฟฟ้าหดตัวลง 7% QoQ และลดลง 27% YoY โดยปัจจัยหลักที่กดดันรายได้ในไตรมาสนี้ให้หดตัวมาจากการลดลงของค่าความพร้อมจ่ายพลังไฟฟ้า(AP) และค่าพลังงานไฟฟ้า (EP) จากโรงงานผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ทั้งอัตราการผลิตและค่าไฟฟ้าที่ลดลง) ขณะที่รายได้จากโรงงานผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายรายเล็ก ถูกกดดันจากรับรู้ค่าไฟฟ้าที่ปรับลดลงจากค่า Ft ที่หดตัวเต็มไตรมาส (ค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคปรับลดลงจาก 3.71 บาท/kwh มาอยู่ที่ 3.43 บาท /kwh ตั้งแต่เดือนพ.ค.)

แม้ว่าต้นทุนค่าก๊าซจะต่ำลง แต่อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 3/59 ปรับลงมาอยู่ที่ 26.3% จาก 30.5% ในไตรมาส 2/59 แต่ขยายตัวจาก24.6% ในไตรมาสที่ 3/58 ทั้งนี้จากผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่มีนัยสำคัญในไตรมาส 3/58 อัตรากำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นจาก 11.3% ในไตรมาส 3/58 มาอยู่ที่ 17.2% ในไตรมาส 3/59 แต่ลดลงจาก 19.9% ในไตรมาส 2/59

แนวโน้ม

มองไปข้างหน้า เรามองการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าตามฤดูกาล จะกดดันกำไรไตรมาส 4/59 ลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เราคาดว่ากำไรไตรมาส 4/59จะอยู่ที่1,698 บาท ลดลง 31% QoQ จากการผลิตไฟฟ้าที่ลดลงในช่วงปิดซ่อมบำรุง ยิ่งไปกว่านั้นอัตรากำไรรวมในไตรมาส 4/59 จะหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง QoQ จากการปิดตัวของโรงงานผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (ที่มีมาร์จิ้นจากการขายไอน้ำสูง) ในช่วงไตรมาส 4/59 ท่ามกลางค่า Ft ที่ปรับลดลงตั้งแต่เดือน พ.ค. 2559

สิ่งที่เปลี่ยนปลงไป

เนื่องด้วยกำไรในไตรมาส 4/59 จะยังไม่สดใส ส่งผลให้เราปรับประมาณการกำไรปี 2560 เพื่อสะท้อนผลประกอบการในไตรมาส 3/59 ที่ประกาศออกมาต่ำกว่าคาด โดยเราประเมินกำไรทั้งปีจะอยู่ที่ 9,566 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% YoY อย่างไรก็ตามเราคาดว่าจะยังมีความเสี่ยงขาลงจากการประมาณการของเราหากผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 ต่ำกว่าคาด

คำแนะนำ

เนื่องจากไม่มีทั้งการขยายกำลังการผลิตหรือการเข้าซื้อกิจการซึ่งจะส่งผลต่อราคาหุ้นในระยะอันใกล้ กอปรกับการจ่ายเงินปันผลที่น่าดึงดูดใจของ GLOW เป็นเหตุผลที่เราแนะนำให้ “ถือ” (อัตราตอบแทนเงินปันผลที่ 7.5% สูงสุดในกลุ่ม) เรามองว่าไตรมาส 1/60 เป็นจังหวะที่น่าเข้าซื้อ ขณะที่ไตรมาส 4/59 เป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีการเติบโตของกำไรที่ดีกว่า อย่าง EGCO และหุ้นตัวอื่นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตที่คล้ายคลึงกัน ส่วนอัพไซด์จาก GLOW จะมาจากความสามารถของบริษัทที่จะเติมเต็มช่องว่างของกำลังการผลิตจากนโยบายการขยาย/แผนการปรับเปลี่ยนทดแทนของโรงงานผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายรายเล็กได้