เอ็นทีทีลุยหนักคลาวด์ตั้งเป้าปี'60 เพิ่มฐานผู้ใช้อีก 2 เท่า

นายมานาบุ คาฮาระ ประธานบริษัทเอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการไอทีโซลูชั่นและโทรคมนาคมในเครือเอ็นทีที ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า เตรียมรุกหนักบริการคลาวด์ในตลาดประเทศไทย

ทั้งนี้ รับโอกาสที่องค์กรทั่วโลกหันมาใช้คลาวด์ภายในองค์กรกันมากขึ้น ประเทศไทยเองแม้ยังช้าเนื่องจากกังวลด้านซิเคียวริตี้ ทว่าแนวโน้มภายใน 2 ปีจากนี้จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นและคาดว่ามีโอกาสเติบโตได้ปีละเป็นตัวเลข 2 หลัก

“องค์กรธุรกิจพบความท้าทายเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากการย้ายระบบไอซีทีเดิมไปไว้บนคลาวด์ ขณะเดียวกันมีปัจจัยเรื่องการใช้อุปกรณ์โมบาย โซเชียลมีเดีย บิ๊กดาต้า ไอโอที ฯลฯ ซึ่งผลักดันให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและหันมาใช้แอพพลิเคชั่นที่อยู่บนคลาวด์มากขึ้นช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา”

ส่วนของบริษัทจะเน้นบริการ “เอ็นเตอร์ไพรซ์ คลาวด์” ที่บริหารจัดการและใช้งานได้แบบยืดหยุ่น รองรับการมาของเทคโนโลยีใหม่ๆ ในภาพรวมยังมุ่งสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ รวมถึงการเป็นฮับทางดิจิทัลประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ด้วยทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตทราฟฟิกจากไทยยังต้องผ่านไปที่สิงคโปร์ มีเคเบิลใต้น้ำเพียง 8 เส้น ซึ่งยังน้อยมากเมื่อเทียบกับสิงคโปร์ที่มี 15 เส้น ดังนั้นต้องช่วยกันสร้างและพัฒนาอินฟราสตรักเจอร์ของประเทศไทยให้ดีมากขึ้น เชื่อว่าไทยมีศักยภาพมากพอที่จะทำได้ไม่ต่างจากสิงคโปร์
ส่วนของบริษัทหากไทยเปิดกว้างให้ต่างชาติลงทุนเคเบิลใต้น้ำได้ หรือมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนก็สนใจเข้าไปมีส่วนรวมโดยโมเดลจะเป็นแบบร่วมมือกับพันธมิตร

ขณะที่ อีกหนึ่งธุรกิจหลักของบริษัท บริการดาต้าเซ็นเตอร์ ปัจจุบันเอ็นทีทีมีให้บริการในไทย 2 แห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการลงทุนต่อเนื่องเฟสที่ 2 พื้นที่ 1,000 ตารางเมตร ของดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร โดยใช้งบการลงทุนราว 300 ล้านบาท

เอ็นทีทีคาดว่า ระหว่างปี 2559-2561 การใช้งานดาตาเซ็นเตอร์ในประเทศไทยจะเติบโตได้ปีละมากกว่า 20% ขณะที่การลงทุนเพื่อรองรับการใช้งานของฝั่งผู้ให้บริการปี 2560 น่าจะโตกว่า 30%

อย่างไรก็ดี บริษัทยังให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัย โดยมีพันธมิตรอย่างเอ็นทีทีซิเคียวริตี้เป็นผู้ดูแลลูกค้า การบริการครอบคลุมตั้งแต่ให้คำปรึกษา รวมถึงบริหารจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์ให้ลูกค้า

ผลสำรวจลูกค้ากว่า 1 หมื่นรายทั่วโลกโดยเอ็นทีที ซิเคียวริตี้รายงานว่า เฉลี่ยแต่ละปี การโจมตีและป้องกันมีกว่า 6.2 พันล้านครั้ง มีบันทึกการวิเคราะห์การโจมตีกว่า 3.5 ล้านล้านรายการ

เมื่อปี 2558 ไทยติดอันดับประเทศท็อป 5 ที่ถูกโจมตีทางไซเบอร์มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

นายศานิต เกษมสันต์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์และบริการ เสริมว่า ทำตลาดเชิงรุกมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีหน้าจะเพิ่มน้ำหนักด้านการประชาสัมพันธ์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ จัดงานสัมมนา และฟอรั่มต่างๆ

ส่วนของการโฟกัสเน้นรักษาฐานลูกค้าภาคการผลิตบริษัทญี่ปุ่นซึ่งปัจจุบันสร้างสัดส่วนรายได้ให้กว่า 70% ทว่าจะขยายฐานไปบริษัทไทยมากขึ้น เช่น กลุ่มการเงินการธนาคาร การบิน การผลิตโลจิสติกส์ ผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หลักๆ เน้นลูกค้าบริษัทระดับกลางขึ้นไป

บริษัทจะใช้จุดแข็งด้านการนำเสนอบริการระดับพรีเมียม มีเครือข่ายบริษัทในเครือหลากหลาย ตั้งเป้าว่าปีหน้าจะเพิ่มฐานผู้ใช้งานคลาวด์ให้ได้ระดับ 2 เท่า จากปัจจุบันมีลูกค้าใช้งานแล้วหลัก 100 ราย