'ปตท.สผ.'เผย9เดือนแรกกำไรสุทธิ388ล้านดอลลาร์

'ปตท.สผ.'เผย9เดือนแรกกำไรสุทธิ388ล้านดอลลาร์

ปตท.สผ.ปลื้มเร่งเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการดันงวด9เดือนปีนี้พลิกมีกำไร388ล้านดอลลาร์สวนทางราคาน้ำมันดิ่ง

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. หรือ PTTEP เปิดเผยว่า ภายใต้สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ตกต่ำ และยังมีความผันผวนบริษัทได้ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างเข้มงวด ส่งผลให้งวด 9 เดือนแรกปีนี้ ปตท.สผ. และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 388 ล้านดอลลาร์ เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่มีขาดทุนสุทธิ 986ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลจากการบันทึกการด้อยค่าของสินทรัพย์ในปีที่แล้วถึง 1,385 ล้านดอลลาร์ 

ในรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสูงถึง 1,727ล้านดอลลาร์ เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายลงทุน เพื่อรักษาระดับการผลิต 

นอกจากนี้ บริษัทยังคงรักษาสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีเงินสดในมือ3,722 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อรองรับโอกาสการลงทุนเพิ่มเติม พร้อมมองหาโอกาสการเข้าซื้อกิจการ โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ในช่วงการผลิตหรือช่วงการพัฒนา ซึ่งใกล้จะเริ่มผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงการขยายการลงทุนในโครงการสำรวจโดยที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าลงทุนในโครงการซาราวักเอสเค 410 บี ซึ่งเป็นโครงการสำรวจที่มีศักยภาพทางปิโตรเลียมสูงในมาเลเซีย

ทั้งนี้ 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 3,281 ล้านดอลลาร์ ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ 47.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ 

บริษัทยังสามารถรักษาปริมาณการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 320,600 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งเป็นไปตามแผนงานในการรักษาปริมาณการขายทั้งปีนี้ ให้อยู่ระดับเดียวกับปีก่อน และที่สำคัญบริษัทสามารถลดต้นทุนในการดำเนินงานได้ต่อเนื่อง 

โดยต้นทุนต่อหน่วยสำหรับ 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 29.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือลดลง 23% เมื่อเทียบกับต้นทุนเฉลี่ยของปี 2558 ที่อยู่ที่ 38.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบลดลงมากกว่าเป้าหมายการลดต้นทุนที่ตั้งไว้เดิมที่ 10% เป็นผลให้บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานตามปกติ (Recurring Net Income) อยู่ที่ 345 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรอบ 9 เดือนแรกนี้ บริษัทมีกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non-Recurring) 43 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นผลสุทธิจากผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจาก 36.09 ต่อดอลลาร์ เป็น 34.70 ต่อดอลลาร์ ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปีนี้ และส่งผลให้เกิดผลประโยชน์ทางภาษีและจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน ซึ่งรวมผลขาดทุนจากการประเมินมูลค่าสัญญาคงเหลือ ณ สิ้นไตรมาส 3 จำนวน 52 ล้านดอลลาร์ด้วยแล้ว โดยผลขาดทุนดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัท

สำหรับไตรมาส 3 ปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 156 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 5,446 ล้านบาท) โดยเป็นกำไรจากการดำเนินงานตามปกติ 75 ล้านดอลลาร์ และกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non-Recurring) 81 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกำไรจากการประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน (Oil Price Hedging) 23 ล้านดอลลาร์ โดยได้รวมผลขาดทุนจากการประเมินมูลค่าสัญญาฯ คงเหลือ ณ สิ้นไตรมาส 3 จำนวน 52 ล้านดอลลาร์แล้ว และยังได้รับผลประโยชน์จากค่าใช้จ่ายทางภาษีที่ลดลงจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์

นายสมพร กล่าวว่า ผลประกอบการของ ปตท.สผ. 9 เดือนแรกของปีนี้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้บริษัทยังคงได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเป็นผลจากการบริหารปัจจัยที่อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการรักษาระดับการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุนภายใต้โครงการ SAVE to be SAFE ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี 

นอกจากนี้บริษัทยังได้ต่อยอดด้วยการเริ่มโครงการ SPEND SMART to Business Sustainability ด้วยแนวคิด “คิดใหม่ ทำใหม่ ให้ได้ผล” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงาน สามารถแข่งขันได้ในระยะยาว และเติบโตอย่างยั่งยืน

สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นวันนี้เมื่อเวลา 14.42 น.อยู่ที่ 83 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.61% มูลค่าซื้อขาย 407.49 ล้านบาท