HMPRO - ซื้อ

HMPRO - ซื้อ

กำไร 9M59 เติบโต 19% คงประมาณการกำไรปี 59-60 ตามเดิม

ประเด็นสำคัญในการลงทุน:

- กำไร3Q59 เติบโต 18%YoYแต่ลดลง4%QoQ กำไร 9M59 เติบโต 19% : กำไรสุทธิ 3Q59 เท่ากับ 948 ล้านบาทเติบโต 18%YoYเนื่องจาก 1)ยอดขายรวมเติบโต 7%YoYจากการเปิดสาขาใหม่โฮมโปร 1 แห่งที่ชลบุรี-บางเสร่ และเมกาโฮมสาขาหาดใหญ่ การจัดงานโฮมโปรแฟร์ครั้งแรกในเดือนก.ค. 2) รายได้ค่าเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นจากการขยายพื้นที่เช่าที่โฮมโปรสาขาสุวรรณภูมิ รวมทั้งรายได้อื่นการส่งเสริมการขายและบริการโฮมเซอร์วิสที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน 3) อัตราส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหารลดลงเหลือ 22.9% จาก 23.6% ใน 3Q58อย่างไรก็ดี อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงเหลือ 25.4% จากระดับ 26% เนื่องจากรายได้จาก
เมกาโฮมที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่ามีสัดส่วนสูงขึ้น

- คงประมาณการกำไรปี 59-60 ตามเดิม : กำไร 9M59 คิดเป็น 73% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ 3.8 พันล้านบาท ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรตามเดิมซึ่งเติบโต 10% จากปี 58โดยมีปัจจัยสนับสนุนในเรื่องฤดูกาลที่Q4 เป็นช่วงไฮซีซั่นที่จะมีกำไรสูงสุดรายไตรมาสเป็นประจำทุกปีจากการจัดงานโฮมโปรเอ๊กซ์โป รวมทั้งการเปิดสาขาใหม่ยังเดินหน้าตามแผนเมื่อต้นปี สำหรับประมาณการกำไรปี 60 ยังคงประมาณการตามเดิมที่ราว 4.4 พันล้านบาทซึ่งเติบโต 14% จากประมาณการกำไรปี 59 บนสมมติฐานอัตราการเติบโตของยอดขายรวมที่ 10% อัตราการเติบโตของรายได้อื่น 15% และความพยายามในการปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นด้วยการเพิ่มส่วนผสมของสินค้าที่เป็นแบรนด์ของบริษัทเองให้มากขึ้นโดยตั้งเป้าอยู่ที่ 20% จากระดับปัจจุบันที่ 18.7%

- ยอดขายมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องจากแผนเปิดสาขาใหม่และเพิ่มไลน์สินค้า : บริษัทมีแผนขยายสาขาใหม่เพิ่มทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อเนื่องตามแผนการเติบโตของยอดขายปีละ 10-12% โดยตั้งเป้าว่าปลายปี 59 จะมีสาขาโฮมโปรรวม 80 สาขา เมกาโฮม 10-11 สาขา และที่มาเลเซีย 2 สาขา นอกจากนี้บริษัทยังตั้งเป้าหมายในการขยายสาขาที่มาเลเซียอย่างต่อเนื่อง โดยกำลังศึกษาตลาดในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านและอาเซียนเพื่อขยายตลาดเพิ่มเติมด้วย รวมทั้งแผนการเปิดตัวสินค้าใหม่เพื่อจับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นซึ่งสนับสนุนรายได้เติบโตต่อเนื่องในอนาคต

- ปรับคำแนะนำจาก“ซื้อเมื่ออ่อนตัว”เป็น“ซื้อ”ราคาเหมาะสม 12.60 บาทสำหรับปี 60 : ปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวยังแข็งแกร่งจากผลประกอบการในอนาคตมีแนวโน้มปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคฝ่ายวิจัยปรับมาใช้ราคาเหมาะสมสำหรับปี 60 ซึ่งอิงProspect PER ที่ระดับ38 เท่าได้เท่ากับ 12.60 บาทซึ่งมี upside จากราคาปิดล่าสุด22%ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับคำแนะนำ จาก “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”  เป็น  “ซื้อ”