ไฟไหม้ร้านอุปกรณ์ก่อสร้าง สาวใหญ่หนีไม่ทันถูกคลอกดับ

ไฟไหม้ร้านอุปกรณ์ก่อสร้าง สาวใหญ่หนีไม่ทันถูกคลอกดับ

ไฟไหม้ร้านอุปกรณ์ก่อสร้าง สาวใหญ่หนีไม่ทันถูกคลอกคากองเพลิง

พ.ต.ต.กำจัด จันทะเสน สว. (สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน บริเวณ ม.1 บ้านไผ่ค่อม ต.ปากโทก อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ และประสานรถน้ำดับเพลิงจากอบต.ปากโทก และ อบต. ใกล้เคียงจำนวน 5 คัน ที่เกิดเหตุเป็นร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างชื่อ “ทรายประจวบ”ตั้งอยู่เลขที่ 125 ม.1 ต.ปากโทก ริมถนนเส้นพิษณุโลก–วัดโบสถ์ โดยมีชาวบ้านพากันมุงดูอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันลากสายยางเข้าระดมฉีดน้ำดับเพลิงที่กำลังโหมลุกไหม้ บริเวณห้องนอนหลังร้านอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ไฟลุกลามออกมาติดถังสีและวัสดุก่อสร้างอื่นที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ แต่เพลิงได้เผาผลาญห้องนอนเสียหายทั้งหมด ภายหลังตรวจสอบในห้องนอนที่เป็นต้นเพลิงพบร่างผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ นางสนอง ชอบใจ อายุ 50 ปี สภาพศพถูกไฟคลอกตามเนื้อตัวจนเป็นแผลพุพองอย่างสยดสยอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงนำร่างส่งชันสูตรที่นิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราช

 จากการสอบสวน น.ส.จารุวรรณ แก้วพิมพ์ อายุ 20 ปี ลูกสาวผู้เสียชีวิต ให้การด้วยความตื่นตระหนกตกใจว่า ขณะเกิดเหตุตนเองและลูกชายวัย 4 ขวบ นอนหลับพักผ่อนอยู่อีกห้องหนึ่ง ส่วนนางสนองผู้เป็นแม่นอนห้องติดกันเพียงลำพัง กระทั่งตนเองได้ยินเสียงแม่ร้องตะโกนเสียงดังให้ช่วยเหลือ จึงสะดุ้งตื่นลุกออกมาดูก็พบว่ามีกลุ่มควันหนาทึบเต็มร้านไปหมด และมีเปลวไฟลุกออกมาจากห้องนอนแม่อย่างหนัก ตนจึงพยายามเปิดประตูเข้าไปช่วยเหลือแต่ก็ไม่สามารถเปิดประตูได้ ต้องตัดสินใจอุ้มลูกชายหนีออกมาจากร้าน ก่อนไปตามเพื่อนบ้านให้มาช่วยกันดับเพลิง แต่ก็ไม่ทันการณ์เพลิงได้ลุกไหม้ห้องนอนของแม่จนทำถูกไฟคลอกจนเสียชีวิตอย่างน่าเวทนา จากนั้นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เข้ามาระงับเหตุดังกล่าว

ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้สันนิษฐานคาดว่า น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะห้องนอนที่เกิดเหตุเสียบปลั๊กพัดลมทิ้งเอาไว้ตลอดเวลา อาจจะทำให้แผงวงจรช็อตกันจนเกิดประกายไฟลุกไหม้ขึ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานไปยังศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 ภ.จว.พิษณุโลก เพื่อเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุที่แน่ชัดอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนศพของผู้เสียชีวิตจะมอบให้ญาติบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป