การผจญภัยครั้งใหม่ ของ 'ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง'

การผจญภัยครั้งใหม่ ของ 'ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง'

นับเป็นข่าวใหญ่ของวงการฟุตซอลไทย เมื่อ “อาร์ม” ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง

 นักฟุตซอลทีมชาติไทย ตกลงย้ายจาก “ฉลามบลูเวฟ” ชลบุรี บลูเวฟ แชมป์ ฟุตซอลไทยแลนด์ลีก 2016 ไปร่วมทีม เมส ซันกาน ในลีกฟุตซอลอิหร่านเป็นเวลา 4 เดือน

ที่ผ่านมา มีรายงานต่อเนื่องว่าหลายสโมสรในฟุตซอลเอเชีย รวมถึงยุโรปให้ความสนใจ ดึงตัว ศุภวุฒิ ไปร่วมทีม ก่อนจะได้ข้อสรุป เมื่อ ธัชพัทธ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานสโมสรชลบุรี บลูเวฟ เป็นผู้ให้คำยืนยันเกี่ยวกับการย้ายทีมของ “อาร์ม” ด้วยตนเอง ว่า ทางสโมสรได้พิจารณาถึงความเหมาะสม ก่อนบรรลุข้อตกลงกับ เมส ซันกาน ด้วยสัญญายืมตัวระยะสั้น 4 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ย. 

ส่วนค่าเหนื่อยที่ ศุภวุฒิ จะได้รับต่อเดือน คือ 8,000 ดอลลาร์ หรือราวๆ 300,000 บาท ไม่รวมโบนัส นับเป็นนักฟุตซอลไทยที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงสุดในประวัติศาสตร์ จากการย้ายไปเล่นอาชีพในต่างประเทศ จากนั้น เจ้าตัวก็จะกลับมายังสโมสร ชลบุรี บลูเวฟ เพื่อเตรียมร่วมทีม สำหรับฟุตซอล ไทยแลนด์ลีก 2017 ในปีหน้า

การย้ายทีมของ ศุภวุฒิ ในครั้งนี้ ถือเป็นการก้าวไปอีกขั้นของดาวเตะจากราชบุรีรายนี้ เพราะการออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ ในฐานะนักฟุตซอลอาชีพ ในลีกที่มีความท้าทายยิ่งกว่า คงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน

พ่อมดฟุตซอลไทย 

ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง เด็กหนุ่มจากอำเภอ โพธาราม จังหวัดราชบุรี เริ่มต้นเส้นทางนักกีฬาจากการเล่นฟุตบอล ก่อนเปลี่ยนมาเป็นฟุตซอลในเวลาต่อมา เนื่องจากในวัยเด็ก “อาร์ม” มีร่างกายบอบบาง ไม่เหมาะกับฟุตบอลที่เน้นการปะทะ แต่ด้วยใจรักในกีฬาลูกหนัง จึงหันมาเอาดีด้านบอลโต๊ะเล็ก ที่ใช้ความคล่องตัว และทักษะในการเล่นมากกว่า จนไต่เต้ามาตั้งแต่ระดับจังหวัด ระดับภาค จนถึงระดับประเทศ

ในระดับอาชีพ ศุภวุฒิ เริ่มต้นกับสโมสร ธอส. อาร์แบค หรือ ชลบุรี บลูเวฟ ในปัจจุบัน ขณะอายุเพียง 18 ปี ตลอด 9 ปีที่อยู่กับ "บลูเวฟ” ศุภวุฒิ ทำไปถึง 229 ประตู จากการลงสนาม 143 นัด และมีชื่อติดทีมชาติเป็นครั้งแรกขณะอายุไม่ถึง 20 ปี และทำผลงานโดดเด่น มีส่วนในการนำ “ช้างศึกโต๊ะเล็ก” ประสบความสำเร็จ ทั้งในระดับเอเชีย และระดับโลก รวมถึงสถิติผู้ทำประตูสูงสุดในทีมชาติ ด้วยจำนวน155 ประตู จนได้รับการยกย่องในฐานะ “พ่อมดแห่งฟุตซอลไทยคนต่อไป”

ตามรอย‘เลิศชาย’ 

ในอดีต มีนักฟุตซอลไทยที่เคยประสบความสำเร็จกับการค้าแข้งในต่างแดนมาแล้ว นั่นก็คือ เลิศชาย อิศราสุวิภากร ผู้เล่นเกมรับที่เคยสร้างชื่อด้วยการย้ายไปเล่นให้ โตเกียว ฟูชู แอธเลติก ในญี่ปุ่น เมื่อปี 2011 ก่อนทำผลงานยอดเยี่ยม จนได้รับรางวัลผู้เล่นต่างชาติยอดเยี่ยมของลีก 

เลิศชาย ยังเคยเล่นให้กับ นาโกยา โอเชียนส์ ในปี 2012 พร้อมค่าเหนื่อยเป็นสถิติผู้เล่นฟุตซอลไทย ที่ 200,000 บาท ต่อเดือน ดาวเตะรุ่นพี่รายนี้ ยังเป็นผู้จุดประกายให้ ศุภวุฒิ ที่เคยได้ร่วมลงสนามกัน ตั้งแต่สมัยย้ายสู่ทีม ชลบุรี บลูเวฟ ใหม่ๆ ต้องการย้ายไปหาประสบการณ์ในต่างแดนบ้าง

“ผมยังไม่หยุดแค่นี้แน่นอน ผมเชื่อว่าผ่านมาได้ครึ่งทางแล้ว สำหรับการมาถึงระดับนี้ และได้รับรางวัลต่างๆ มีคนชื่นชม แต่ผมยังไม่หยุดแน่นอน เพราะอยากจะมีประสบการณ์ในการเล่นต่างประเทศ ผมคิดเสมอว่าเราเก่งหรือยัง ได้แชมป์แทบทุกปีในประเทศไทย แต่เหมือนเราเก่งแค่ในบ้านเรา เราต้องไปเผชิญหน้ากับประสบการณ์ และความท้าทายใหม่ให้ได้ซักวัน”​ ศุภวุฒิ กล่าว

ปลายทางที่‘เมส ซันกาน’

ทุกอย่างมาประจวบเหมาะ เมื่อสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ตัดสินใจยุติการแข่งขันภายใต้การควบคุมทุกรายการ ภารกิจทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติของ “อาร์ม” ต้องชะงักลงเป็นการชั่วคราว เปิดทางให้หลายสโมสรที่เคยให้ความสนใจติดต่อเข้ามา และลงเอยด้วยการเซ็นสัญญายืมตัวกับ เมส ซันกาน ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม การไปเล่นให้กับ เมส ซันกาน ในครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ศุภวุฒิ ได้รับโอกาสไปเล่นในต่างประเทศ ย้อนกลับไปในอดีต “อาร์ม” เคยผ่านการเล่ในคูเวตกับ อัล คาราฟี่ และในอิหร่าน กับ เปอร์เซโปลิส เบห์ซิสติ ด้วยสัญญายืมตัวระยะสั้น นอกจากนี้ ยังเคยถูกดึงตัวไปร่วมซ้อมกับ ซานติอาโก ฟุตซอลคลับ ของสเปน มาแล้ว แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

ขณะที่ เมส ซันกาน แม้จะเพิ่งก่อตั้งสโมสรมาได้ 2 ปีเศษ แต่ผลงานในฟุตซอลลีกอิหร่าน ใน 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ถือว่ามีพัฒนาการที่น่าจับตามอง เมื่อจบในอันดับ 3 และรองแชมป์ตามลำดับ ส่วนผู้เล่นในทีม ก็ถือว่าไม่ธรรมดา ทั้ง อาเรซา เซมีมี ผู้รักษาประตูทีมชาติอิหร่าน ชุดอันดับ 3 ฟุตซอลโลก 2016 ที่โคลอมเบีย และ 2 สตาร์ชาวบราซิล อย่าง ปาทริค หลุยส์ กับ ดีเอโก วิเดลลา 

การผจญภัยครั้งนี้ น่าจะเป็นโอกาสดีสำหรับ ศุภวุฒิ ที่จะเรียนรู้และขัดเกลาตัวเองกับผู้เล่นชั้นนำ เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นนักฟุตซอลแถวหน้าของเอเชีย และกลับมาเป็นกำลังสำคัญของ บลูเวฟ และทีมชาติไทยต่อไป