PTTGC - ซื้อ

PTTGC - ซื้อ

คาดรายงานกำไรสุทธิ 3Q59 +39%QoQ และ +462%YoY

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

- คาดรายงานกำไร 3Q59 ราว 6,788 ล้านบาทเติบโต 39%QoQ และ 462%YoY : เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันใช้กำลังผลิตอยู่ที่ 99% จาก 35% หลังจากหยุดซ่อมบำรุงไป 2 เดือนในไตรมาส 2 และธุรกิจโอเลฟินส์ใช้กำลังการผลิตอยูที่ 94% จาก 85%เนื่องจากโรงงานโอเลฟินส์หน่วยที่ 3 สามารถผลิตได้ตามปกติหลังจากที่มีเหตุไฟฟ้าดับในไตรมาส 2 ด้านธุรกิจอะโรเมติกส์ใช้กำลังการผลิตลดลงจาก 85% สู่ 75% เนื่องจากมีการหยุดซ่อมบำรุงและปรับปรุงกระบวนการผลิตในเดือนก.ค.-ส.ค. นอกจากนี้บริษัทรับรู้กำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบ เงินชดเชยค่าประกันภัย(จากเหตุไฟฟ้าดับในไตรมาส 2 ของโรงงานโอเลฟินส์) และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีกราว 2.3 พันล้านบาท

- ผลประกอบการธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจโอเลฟินส์ปรับตัวดีขึ้น : 1) ธุรกิจโรงกลั่นใช้กำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นสู่ 99% จาก 35% เนื่องจากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นเหมือนในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แต่ค่าการกลั่นปรับตัวลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 3.6-4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลตามส่วนต่างน้ำมันเบนซินและต้นทุนค่าพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากการเริ่มเดินเครื่องโรงกลั่นหลังจากหยุดซ่อมบำรุง 2) ธุรกิจโอเลฟินส์ใช้กำลังการผลิต 94% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 9% เนื่องจากโรงงานโอเลฟินส์หน่วยที่ 3 กลับมาเดินเครื่องได้ตามปกติหลังจากต้องหยุดซ่อมบำรุงจากเหตุไฟฟ้าดับในไตรมาสก่อน ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกทั้ง HDPE LLDPE และ LDPE ทรงตัวในระดับเดียวกับไตรมาสก่อนส่งผลให้ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นตามปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น

- ผลประกอบการธุรกิจอะโรเมติกส์ปรับตัวลงจากการหยุดซ่อมบำรุง : ธุรกิจอะโรเมติกส์ใช้กำลังการผลิตลดลง 10% สู่ 75% จากไตรมาสก่อนเนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงในเดือน ก.ค.-ส.ค. ขณะที่ส่วนต่างผลิตภัณฑ์เบนซีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อนเนื่องจากความต้องการสินค้าปลายน้ำ (สินค้าสำเร็จรูป) ยังทรงตัวในระดับสูง และส่วนต่างผลิตภัณฑ์พาราไซลีนยังทรงตัวใกล้เคียงไตรมาสก่อนช่วยหนุนผลประกอบการเพิ่มเติม

- คงประมาณการกำไรปี 59 ที่ 24,739 ล้านบาทเติบโต 19%YoY : ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปี 59 ที่ 24,739 ล้านบาทเติบโต 19%YoY เพราะคาดว่าแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 4 มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นตามธุรกิจโอเลฟินที่ราคาผลิตภัณฑ์ยังทรงตัวในระดับสูง และไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงในธุรกิจอะโรเมติกส์คอยกดดัน

- คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 71 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี Prospective PBV ที่ 1.2 เท่าได้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 71 บาทซึ่งสูงกว่าราคาปิดล่าสุดจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”