ปูนใหญ่ไตรมาส3กำไรโต57%
ปูนใหญ่ เผย ไตรมาส 3 ปีนี้ ทำกำไรได้ 1.41 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 57% เนื่องจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ผลการดำเนินงานดี
บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ซึ่งเป็นธุรกิจการลงทุน (Holding company) ใน 3 ธุรกิจหลักได้แก่ ธุรกิจซิเมนต์ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เคมีภัณฑ์ และแพคเกจจิ้ง แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ไตรมาส 3 ปีนี้มีกำไรสุทธิ 1.41 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และสูงกว่านักวิเคราะห์ 9 ราย คาดจะมีกำไรสุทธิ 1.33 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทแจ้งว่า สาเหตุที่กำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจเคมีภัณฑ์มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการตั้งสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี 1.8 พันล้านบาท ส่วนรายได้จากการขายในไตรมาส 3 เท่ากับ 1.05 แสนล้านบาท ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายสินค้าซีเมนต์มีปริมาณ และราคาขายลดลง
นอกจากนี้ ในไตรมาส 3 ตลาดปูนซีเมนต์โดยรวมในประเทศหดตัว 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 4% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน
ส่วนช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศลดลง 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และในไตรมาส 3 เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีปริมาณขายปูนซีเมนต์ในประเทศ เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดโดยรวม ทั้งนี้ ราคาปูนซีเมนต์ อยู่ที่ 1,700-1,750 บาทต่อตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน โดยไตรมาส 3 เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขาย 40,970 ล้านบาท ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 5% จากไตรมาสก่อน
ขณะที่ส่วนต่างราคาเฉลี่ย HDPE-Naphtha อยู่ที่ 749 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อน และส่วนต่างราคาเฉล๊๋ญ PP-Naphatha อยู่ที่ 704 ดอลลาร์ต่อตัน เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน จากการปิดซ่อมบำรุง ที่ไม่เป็นไปตามแผนของผู้ผลิต Propylene บางรายในเอเซีย รายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ มีมูลค่าการลงทุนเท่ากับ 26,402 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วนการลงทุน เป็นของเอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง 57%, เอสซีจี แพคเกจจิ้ง 23%, เอสซีจี เคมิคอลส์ 17% และส่วนงานอื่นๆ 3%
อย่างไรก็ตาม บล.ฟิลลิป คาดการณ์ว่า ปูนซิเมนต์ไทย ในไตรมาส 4 ปีนี้ กำไรมีโอกาสซบเซา เนื่องจากปัจจัยหลักมาจากการปิดซ่อมโรงงานปิโตรเคมี ROC จำนวน 40 วัน รายได้ปิโตรเคมีหายไป 25-30% จากไตรมาส 3 ขณะที่ธุรกิจปูนซีเมนต์ น่าจะฟื้นตัวไม่มาก มีความเป็นไปได้ว่า ดีมานด์ปูนฯในประเทศ จะอยู่ที่ 0-1% จากเดิมที่มองไว้ 1-3% และเชื่อว่าทั้งปีนี้ กำไรสุทธิเติบโต 16%
