‘แฮนด์ซั่ม’ดันศิลปินไทยเจาะตลาดบันเทิงจีน

‘แฮนด์ซั่ม’ดันศิลปินไทยเจาะตลาดบันเทิงจีน

ธุรกิจบันเทิงถือเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่ามหาศาล โดยประเทศจีนเป็นตลาดบันเทิงสำคัญที่มีขนาดใหญ่ในเอเชีย

ขณะที่ประเทศไทย มีศักยภาพและความพร้อมทุกด้านที่จะเข้าไปบุกตลาดจีน โดยเฉพาะการส่งออก “ศิลปิน” ที่มีกระแสนิยมในกลุ่มผู้ชมจีนต่อเนื่อง 

หลุ่ย จื้อ หมิง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮนด์ซั่ม อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทดำเนินธุรกิจด้านบริหารแลจัดหาศิลปิน (Artist Management) ครบวงจร มีเครือข่ายใน ฮ่องกง ไต้หวัน จีน มีประสบการณ์การดำเนินธุรกิจกว่า 10 ปี ล่าสุดจัดตั้งสาขาประเทศไทยช่วงต้นปีนี้ เพื่อขยายธุรกิจจัดหาศิลปินและธุรกิจบันเทิงจากไทยเข้าไปทำตลาดในจีน ซึ่งธุรกิจบันเทิงในจีน มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย 

ปัจจุบันดารานักแสดงไทย ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในประเทศจีน จากเดิมธุรกิจบันเทิงและศิลปินเกาหลีครองตลาด แต่หลังจากความสมพันธ์ระหว่างจีนและเกาหลีตรึงเครียด ทำให้ตลาดบันเทิงจีน เริ่มหันมาใช้นักแสดงไทย ซึ่งกระแสความนิยมเริ่มจากการรับชมละครไทยผ่านสื่อออนไลน์ ทำให้คนจีนรู้จักดาราศิลปินไทย อีกทั้งจีนได้เข้ามาใช้ประเทศไทยทำธุรกิจบันเทิงมากขึ้น เห็นได้ภาพยนตร์หลายเรื่องเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย

            ช่วงปลายปี 2556 แฮนด์ซั่ม ในประเทศจีนเริ่มจัดหาศิลปินไทย ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาล เข้ามาเป็นนักแสดงทางอินเทอร์เน็ตทีวีและเคเบิลทีวีในจีน ระยะเวลาเกือบ 2 ปี มีงานแสดงด่อเนื่อง 6-7 เรื่อง ล่าสุดกำลังแสดงละครเรื่อง Monster Killer ภาค2 ซึ่งจะออกอากาศทางช่องเคเบิล“หูหนานทีวี”

“ตลาดบันเทิงจีน ต้องการดารานักแสดงหน้าใหม่นอกจากเกาหลี ที่กระแสเริ่มซา จากผลพ่วงข้อพิพาทต่างๆทางการเมือง ขณะที่ไทยถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมีรสนิยมในการเสพคอนเทนท์บันเทิงใกล้เคียงกัน” 

ดังนั้นแฮนด์ซั่มจึงจัดตั้งสาขาในไทย โดยจดทะเบียนบริษัทเดือน ก.พ.2559 เพื่อสร้างความมั่นใจ ให้ค่ายบันเทิงในไทยและศิลปิน ดารา นักแสดง ที่จะทำงานร่วมกับแฮนด์ซั่มในตลาดจีน

ปัจจุบัน แฮนด์ซั่ม ทำงานร่วมกับผู้จัดละครในจีนหลายราย ร่วมทั้งเป็นพันธมิตร ที่ดีกับช่องอินเทอร์เน็ตทีวีและเคเบิลทีวี อันดับต้นๆ ในประเทศจีน ที่สามารถป้อนงานให้นักแสดงไทยอย่างต่อเนื่อง

ขณะนี้บริษัททำงานร่วมกับนักแสดงไทย 5-6 ราย ทั้งนักแสดงอิสระและสังกัดค่ายบันเทิง คาดว่าจะป้อนงานให้แสดงในตลาดบันเทิงจีนให้นักแสดงไทยราว 10-20 เรื่องต่อปี

สำหรับเครือข่ายแฮนด์ซั่ม ที่มีอยู่ใน 4 ประเทศในปัจจุบันมีรายได้ประมาณ 100 ล้านหยวนต่อปี สัดส่วน 40% มาจากธุรกิจบริหารและจัดหานักแสดง โดยประเทศไทยเป็นสาขาล่าสุดที่จัดตั้งขึ้นและมีแนวโน้มขยายตัวสูง

ชลลดา ทรงลำเจียก ผู้จัดการทั่วไป บริษัทแฮนด์ซั่ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ดูแลศิลปินไทย ที่ทำงานร่วมกับอุตสากรรมบันเทิงจีน เช่น ไมค์ พิรัชต์ ที่ร่วมงานแสดงภาพยนตร์และละครจีนจนประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ยังมีศิลปินในสังกัด เช่น บี้ เคพีเอ็น, อาร์ม วีรยุทธ จันทร์สุข และกำลังเซ็นสัญญาอีกหลายคน  รวมทั้งเป็นพันธมิตรกับบริษัทบันเทิงไทย ดูแลศิลปิน สน ยุกต์ ส่งไพศาล และ วิว วรรณรท สนธิไชย ที่กำลังไปเปิดตลาดบันเทิงในจีน

ล่าสุดได้เซ็นสัญญากับ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ นำ ดีเจพุฒิ พุฒิชัย เกษตรสิน มาเปิดตลาดบันเทิงในจีน เริ่มด้วยละครเรื่อง Stairway to stardom ของบริษัทเพนกวิน พิคเจอร์ส จำกัด ธุรกิจในเครือ Tencent เจ้าของแอพพลิเคชั่นแชท WeChat  ละครเรื่องดังกล่าวเริ่มถ่ายทำเดือนต.ค.นี้ ใช้เวลาถ่าย 3 เดือน ซึ่งบริษัทผู้ผลิตละครกำลังอยู่ระหว่างเสนอออกอากาศทางช่องเคเบิลรายใหญ่ในจีน ช่วงต้นปีหน้า

ทั้งนี้ รูปแบบธุรกิจของ แฮนด์ซั่ม ไทย รับผิดชอบดูแลธุรกิจด้านจัดหาและบริหารศิลปินไทยให้กับตลาดบันเทิงจีน, จัดหาโลเคชั่นถ่ายทำภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ ในไทย รวมทั้งนำเข้าคอนเทนท์บันเทิงจีนมาแปลและหาช่องทางออกอากาศในไทย นอกจากนี้วางแผนลงทุนผลิตละครที่ใช้นักแสดงไทยและจีนร่วมกัน เพื่อออกอากาศทั้ง 2 ประเทศ รวมทั้งเตรียมผลิตรายการประเภทเรียลลิตี้โชว์

“แฮนด์ซั่มไทย โฟกัสการดูแลแลจัดหาศิลปิน รวมทั้งพัฒนาแพลตฟอร์มธุรกิจของตัวเอง เพื่อเป็นช่องทางนำเสนอผลงานให้ศิลปิน ปีหน้าวางแผนขยายทั้งธุรกิจอาร์ทติส แมเนจเม้นต์และลงทุนผลิตรายการเอง"

            การขยายสาขาในไทย เนื่องจากเห็นศักยภาพประเทศไทย ที่มีความสามารถผลิตคอนเทนท์บันเทิงหลากหลายรูปแบบ ทั้งละคร ซีรีส์ วาไรตี้ทุกรูปแบบ ที่สามารถแข่งขันกับเจ้าตลาดบันเทิงเกาหลี อีกทั้งไทยยังมีความโดดเด่นด้านงานครีเอทีฟและงานโพสต์ โปรดักชั่น งานคอมพิวเตอร์กราฟฟิค รวมทั้งมีโลเคชั่นที่ดี  ไทยจึงมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ด้านการผลิตคอนเทน์อุตสาหกรรมบันเทิงของภูมิภาค

“มองว่าอุตสาหกรรมบันเทิงไทยและความสามารถของศิลปินไทย สามารถก้าวขึ้นมาเป็นคลื่นลูกใหม่ในเอเชีย หากสามารถเจาะตลาดจีนได้”