เร่งปรับโครงสร้าง-เสริมคนเข้ากระทรวงดีอี

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงความคืบหน้าในกระบวนการเปลี่ยนโครงสร้างและจัดกำลังพลเพื่อเปลี่ยนจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นกระทรวงดีอีว่า ขณะนี้นางทรงพร โกมลสุรเดช ปลัดกระทรวงกำลังเร่งกระบวนการภายในเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดกำลังพลให้เหมาะสมกับหน่วยงานต่างๆ การเตรียมตัวสำหรับสำนักงานใหม่ที่จะเกิดขึ้น 

อย่างไรก็ดี แม้กฎหมายใหม่ เช่น พ.ร.บ.ส่งเสริมดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพ.ศ. ...และพ.ร.บ.คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพ.ศ. ...ที่จะรองรับหน่วยงานใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 หน่วยงานในกระทรวงดีอีคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล(องค์การมหาชน)และสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะยังไม่เสร็จก็ตาม แต่ช่วงเปลี่ยนผ่าน พล.อ.อ.ประจินจะพยายามผลัดดันให้เดินหน้ามากที่สุด

ทั้งนี้ยอมรับว่าตอนนี้ปลัดทำงานคนเดียว กำลังพลไม่เพียงพอ รักษาการรัฐมนตรีจึงต้องเข้ามาดูแล และจะหาคนมาช่วยเพื่อให้การขับเคลื่อนไปสู่ความพร้อมของกระทรวงดีอีภายในเดือนธ.ค.นี้

“สำหรับความคืบหน้าเรื่องของกำลังคนราว 300 อัตรานั้น ได้ทำเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) ซึ่งก็รอตอบกลับมา ทางดีอีเองตั้งใจให้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยโดยเร็วและให้ทันปลายปีนี้”

นางทรงพร กล่าวว่า ความคืบหน้าด้านกฎหมาย 3 ฉบับที่กระทรวงดีอีจะต้องเร่งให้เสร็จและเข้าสู่การพิจารณาของกระทรวงดีอีภายในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ค.ร.ม.) พิจารณาและนำเข้าสภานิติบัญญัติ (สนช.) ได้แก่พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ... พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์พ.ศ. ...อยู่ในช่วงรอการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) และพ.ร.บ.ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์พ.ศ. ... กระทรวงดู และปรับปรุงเนื้อหาให้สอดคล้องกับพ.ร.บ.การทำธุรกรรมออนไลน์ (อี-เพย์เม้นท์) ที่กำลังจะออกมาด้วย

ดังนั้นกระทรวงดีอีจึงกำลังดำเนินการกำหนดแนวทางและมาตรการปฏิบัติตามนโยบายความปลอดภัยทางไซเบอร์ควบคู่ไปด้วย ซึ่งกระทรวงดีอีพร้อมผลักดันแนวทางปฏิบัติโดยเร็วเพื่อเกิดความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์

ทั้งนี้กระทรวงดีอียังต้องดูแลกฎหมายความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ หรือไซเบอร์ซิเคียวริตี้ ที่ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการร่างแผนซึ่งเป็นขั้นตอนใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว โดยรัฐบาลได้เริ่มดำเนินการเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2558 เมื่อรวบรวมเสร็จสิ้นออกเป็นร่างแล้วจะส่งไปที่กฤษฎีกาตีความและให้ครม.พิจารณาและส่งไป สนช. คาดจะดำเนินการเสร็จและได้ใช้ในไตรมาส2/2560

“การเปลี่ยนแปลงกระทรวงจะต้องปรับวิธีการทำงาน ทำตัวตนให้เป็นรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่แท้จริง ส่วนรัฐวิสาหกิจในสังกัดต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหาร และลดความซ้ำซ้อนในการทำงานเพื่อให้มีผลงานเป็นรูปธรรม”