'ย้อนรอย' หุ้นวิ่งดักหน้า 'ดีลเทคฯ'

'ย้อนรอย' หุ้นวิ่งดักหน้า 'ดีลเทคฯ'

สำรวจพบ"หุ้น"ที่มีกระแสข่าวลือเรื่องการ"เทคโอเวอร์" มีราคาปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

‘ข่าวลือ’ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับวงการตลาดทุนมาอย่างยาวนาน และมักจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันหรือกดดันราคาหุ้นไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง โดยเฉพาะในยุคที่การสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีช่องทางหลากหลายมากขึ้น ทำให้เหตุการณ์บางอย่าง อาจจะถูกนำมาลือออกมาก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง

ตั้งแต่ต้นปี 2559 ที่ผ่านมา ยังคงมีข่าวลือต่างๆ ออกมาเช่นทุกปี และมันก็ยังคงทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี

อย่างกรณีบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ซึ่งมีข่าวลือในตลาด ตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. 2559 ว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะเข้ามาซื้อกิจการ ขณะเดียวกันก็เริ่มเห็นราคาหุ้นAAVวิ่งขึ้นจากระดับ 4.9 บาท ในช่วงต้นเดือน มี.ค. ขึ้นไปแตะ 6.45 บาท ก่อนที่สุดท้ายแล้วบริษัทได้ประกาศว่าดีลดังกล่าวได้เกิดขึ้นจริงเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2559 โดยนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทได้ขายหุ้นจำนวน 39%ที่ราคา 4.2 บาท คิดเป็นมูลค่า 7.94 พันล้านบาท ให้กับครอบครัวศรีวัฒนประภา

ขณะที่ หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้บริษัทชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์มาตลอดว่าไม่มีการทำข้อตกลงใดๆและยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ดีลจบลง ราคาหุ้นAAV ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง และทำจุดสูงสุดที่ 7.8 บาท ก่อนจะปรับตัวลงมาซื้อขายที่ราว 7 บาท

กรณีของบริษัททีวี ไดเร็ค (TVD) ซึ่งมีข่าวลือเกิดขึ้น เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาว่า มีบริษัทต่างชาติเตรียมจะเข้ามาถือหุ้น และจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ (Tender offer) และในช่วงก่อนหน้านั้น ราคาหุ้นTVDได้ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องจากระดับ 1.1 บาท

โดยเมื่อ 14 ก.ค.2559 ตลาดหลักทรัพย์ก็ได้ขอให้บริษัทชี้แจงประเด็นหรือความคืบหน้าที่มีนัยสำคัญ เนื่องจากราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก และบริษัทได้เปิดเผยออกมาว่าได้รับหนังสือจากบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่งว่าจะเข้าถือครองหุ้น 15%แต่จะไม่มีผลต่อการบริหารงาน และไม่มีการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ แต่อย่างใด โดยหลังจากนั้น

เมื่อ 20 ก.ค.2559 บริษัทได้เปิดเผยถึงโครงสร้างการถือหุ้นหลังการเข้ามาของผู้ถือหุ้นชาวต่างชาติ ส่งผลให้ราคาหุ้นขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 3.46 บาท ก่อนจะถูกขายทำกำไรออกมาฉุดราคาหุ้นลงมาเหลือ 2.86 บาท ในวันถัดมา และปรับตัวลงต่อเนื่องมาซื้อขายที่ราว 2.3 บาท

ล่าสุด กรณีของบริษัทฮอท พอท (HOTPOT) ซึ่งราคาหุ้นได้เริ่มปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงจากระดับ 2 บาท เมื่อกลางเดือน ส.ค.2559 จากนั้นมีข่าวลือออกมาว่าบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ด้วยกันอย่าง ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม (TFD) จะเข้าซื้อกิจการของบริษัท และบริษัทได้ออกมาชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์เมื่อปลายเดือน ส.ค.2559 และปลายเดือน ก.ย.2559 ว่าผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุน เพื่อพิจารณาขายหุ้นออกไปบางส่วนจริง

ขณะที่TFDได้ชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์เช่นกันว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเข้าซื้อกิจการของฮอท พอท นั้นไม่เป็นความจริง

ต่อมาเมื่อ 19 ต.ค.2559 จึงมีการเปิดเผยออกมา อภิชัย เตชะอุบล ผู้ถือหุ้นใหญ่และประธานกรรมการบริหารของTFDรวมทั้งบริษัทเอง ได้เข้าไปถือหุ้นรวมกัน 10.22%ใน HOTPOTทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปแตะ 3.42 บาท ในวันรุ่งขึ้น ก่อนจะมีแรงขายออกมาภายในวันเดียวกัน ทำให้ราคาหุ้นลดลงมาปิดที่ 3.1 บาท

เมื่อพิจารณาจากข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระยะหลังนี้ หลายกรณีมักจะมีมูลความจริงซ่อนอยู่ด้วย แต่เมื่อความจริงปรากฏออกมาแล้วนั้น ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้อาจจะถูกขายออกมาเมื่อความจริงปรากฏ หรือที่ในแวดวงตลาดหุ้นมักจะพูดกันอยู่ติดปากว่า ‘sell on fact’ฉะนั้นการจะเข้าไปร่วมวงเก็งกำไรกับข่าวลือต่างๆ นักลงทุนก็ควรจะพิจารณาให้รอบคอบก่อนการตัดสินใจ